เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  โกกาลิกสูตร ภิกษุโกกาลิกะดูหมิ่นพระโมคและพระสารีบุตร เข้าถึงปทุมนรก 487
 
เนื้อหาในพระสูตรนี้พอสังเขป

ภิกษุ ชื่อโกกาลิกะ กล่าวตู่ พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ
ว่าเป็นผู้มีความปรารถนาลามก จึงได้ไปเกิดใน ปทุมนรก



 
 
 


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก
หน้าที่ ๑๔๗

โกกาลิกสูตร


          [๘๙] ครั้งนั้นแล ภิกษุ ชื่อโกกาลิกะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มี พระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ พระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามก

          พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

          ดูกรโกกาลิกะ เธออย่ากล่าวอย่างนั้น เธออย่ากล่าวอย่างนั้น เธอจง ยังจิต ให้เสื่อมใสใน สารีบุตร และโมคคัลลานะเถิด เพราะสารีบุตร และโมคคัลลานะ เป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก

          แม้ครั้งที่ ๒ โกกาลิกภิกษุก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค เป็นที่ตั้งแห่ง ศรัทธาของข้าพระองค์ เป็นผู้มีพระพุทธพจน์ อันข้าพระองค์พึง เชื่อถือได้ก็จริง ถึงอย่างนั้น พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ก็เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ลุอำนาจแห่งความ ปรารถนาลามก พระเจ้าข้า ฯ

          พ. ดูกรโกกาลิกะ เธออย่ากล่าวอย่างนั้น เธออย่ากล่าวอย่างนั้น เธอจงยังจิต ให้เลื่อมใสใน สารีบุตร และโมคคัลลานะเถิด เพราะสารีบุตรและโมคคัลลานะ เป็นผู้ มีศีลเป็นที่รัก ฯ

          แม้ครั้งที่ ๓ โกกาลิกภิกษุได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มี พระภาค เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธา ของข้าพระองค์ เป็นผู้มีพระพุทธพจน์ อัน ข้าพระองค์ พึงเชื่อถือ ได้ก็จริง ถึงอย่างนั้น พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ก็เป็นผู้มีความปรารถนา ลามก ลุอำนาจแห่งความ ปรารถนาลามก พระเจ้าข้า

          พ. ดูกรโกกาลิกะ เธออย่ากล่าวอย่างนี้ เธออย่ากล่าวอย่างนี้ เธอจงยังจิต ให้เลื่อมใส ในสารีบุตร และโมคคัลลานะเถิด เพราะสารีบุตรและโมคคัลลานะ เป็นผู้มี ศีล เป็นที่รัก

          ครั้งนั้นแล โกกาลิกภิกษุลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคกระทำ ประทักษิณ แล้วหลีก ไป เมื่อโกกาลิกภิกษุหลีกไปแล้วไม่นาน ร่างกายมีตุ่มเท่าเมล็ด พันธุ์ผักกาด เกิดขึ้นทั่วตัว ตุ่มเหล่านั้นเท่าเมล็ดถั่วเขียว แล้วก็โตเท่าเมล็ดถั่วดำ แล้วก็โตเท่าเมล็ดพุทรา แล้วก็โตเท่า เมล็ดกระเบา แล้วก็โตเท่าผลมะขามป้อม แล้วก็โตเท่าผลมะตูมอ่อน แล้วก็โตเท่าผลมะตูมแก่ แล้วจึงแตกหนอง และเลือด หลั่งไหลออก

          ได้ยินว่า โกกาลิกภิกษุนั้นนอนบนใบตองกล้วย เหมือนปลากินยาพิษ

          ครั้งนั้นแล ตุทิปัจเจกพรหมเข้าไปหาพระโกกาลิก ยังที่อยู่ครั้นแล้วยืนอยู่ ที่เวหาส ได้กล่าวกะ โกกาลิกภิกษุว่า ดูกรโกกาลิกะ ท่านจงยังจิตให้เลื่อมใสใน พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเถิด เพราะพระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ เป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก โกกาลิกภิกษุถามว่า

          ดูกรท่านผู้มีอายุ ท่านเป็นใคร
          ตุ. เราเป็น ตุทิปัจเจกพรหม

          โก. ดูกรท่านผู้มีอายุ ท่านเป็นผู้ที่พระผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์ว่าเป็น อนาคามี มิใช่หรือ เมื่อเป็นเช่นนั้นไฉนท่านมา ณ ที่นี้อีกในบัดนี้ อนึ่งท่านจงเห็น ความผิดนี้ของท่านเท่าที่มีอยู่

          ครั้งนั้นแล ตุทิปัจเจกพรหมได้กล่าวกะโกกาลิกะภิกษุ ด้วยคาถาว่าผรุสวาจา เพียงดังจอบ  ซึ่งเป็นเครื่อง ตัดทอนตน ของคนพาล ผู้กล่าวคำชั่ว ย่อมเกิดขึ้น ที่ ปากของบุคคลผู้เป็น บุรุษพาล ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรติเตียน หรือติเตียนคน ที่ควร สรรเสริญผู้นั้นชื่อว่า สะสมโทษ ไว้ด้วยปาก  ย่อมไม่ประสบความสุข เพราะโทษนั้น

          การปราชัยด้วยทรัพย์ในการ เล่นการพนัน ด้วยตนเอง จนหมดตัวนี้  เป็นโทษ มีประมาณน้อย การที่บุคคลยังใจให้ ประทุษร้าย ในพระอริยเจ้าผู้ ดำเนินดี แล้วนี้ เป็นโทษมากกว่า บุคคลตั้งวาจา และใจอันเป็นบาป  แล้วติเตียนพระอริยะ ย่อม เข้าถึงนรก สิ้นหนึ่ง แสนนิรัพพุทกัป  อีก ๓๖ นิรัพพุทะ  และ ๕ อัพพุทะ

          ครั้งนั้นแล โกกาลิกภิกษุได้กระทำกาละ ด้วยอาพาธนั้นเอง แล้วเกิดใน ปทุมนรก เพราะยังจิตให้อาฆาต ในพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ

          ลำดับนั้นเมื่อปฐมยามแห่งราตรี ผ่านไปแล้ว ท้าวสหัมบดีพรหมผู้มีวรรณะ สง่างาม ยังพระวิหาร เชตวันทั้งสิ้น ให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ยังที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง

          ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โกกาลิกภิกษุ กระทำกาละแล้ว เกิดในปทุมนรก เพราะยังจิตให้อาฆาตในพระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ พระเจ้าข้า ท้าวสหัมบดี พรหม ครั้นกราบทูลดังนี้แล้ว ถวายบังคม พระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณ แล้วหายไปในที่นั้น เอง

          ครั้งนั้น เมื่อราตรีผ่านไปแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในคืนนี้ เมื่อปฐมยามผ่านไป แล้ว ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้มีวรรณะ สง่างาม ยังวิหารเชตวัน ทั้งสิ้นให้ สว่างไสว เข้ามาหาเรายังที่อยู่ อภิวาทเราแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โกกาลิกภิกษุ กระทำกาละแล้ว เกิดในปทุมนรก เพราะยังจิตให้อาฆาต ในพระสารีบุตร และ พระโมคคัลลานะ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวสหัมบดีพรหม ครั้นกล่าวคำนี้แล้ว อภิวาทเรา กระทำ ประทักษิณ แล้วหายไป ในที่นั้นเอง ฯ เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม พระผู้มี พระภาคว่า

          ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ประมาณอายุในปทุมนรกนานเท่าไรหนอ พระผู้มีพระภาค ตรัสตอบว่า

          ดูกรภิกษุ ประมาณอายุในปทุมนรกนานนัก ประมาณอายุในปทุมนรกนั้น ยากที่จะกระทำการ กำหนด นับได้ว่า ประมาณเท่านี้ปี ประมาณร้อยปีเท่านี้ ประมาณพันปี เท่านี้ หรือประมาณ แสนปีเท่านี้

          ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระองค์อาจ เพื่อจะทำการเปรียบเทียบได้หรือ พระพุทธเจ้าข้าฯ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อาจอยู่ภิกษุ แล้วได้ตรัสว่า

          ดูกรภิกษุ เปรียบเหมือนหนึ่งเกวียนเมล็ดงา ของชนชาวโกศลมีอัตรา ๒๐ ขารี (๑) เมื่อล่วงไป หนึ่งร้อยปี (หลักฐานเก่า ระบุหนึ่งแสนปี) บุรุษนำเอาเมล็ดงาเมล็ดหนึ่ง ออกจากเกวียนนั้น ดูกรภิกษุ เมล็ดงาหนึ่งเกวียนของชาวโกศลซึ่งมีอัตรา ๒๐ ขารี นั้น พึงถึงความสิ้นไปหมดไป โดยทำนองนี้เร็วกว่านั่นยังไม่ถึงหนึ่งอัพพุทะในนรกเลย

          ดูกรภิกษุ
๒๐ อัพพุทะในนรกจึงเป็น ๑ นิรัพพุทะ
๒๐ นิรัพพุทะเป็น ๑ อพัพพะ
๒๐ อพัพพะเป็น ๑ อหหะ
๒๐ อหหะเป็น ๑ อฏฏะ
๒๐ อฏฏะ เป็น ๑ กุมุทะ
๒๐ กุมุทะเป็น ๑ โสคันธิกะ
๒๐ โสคันธิกะเป็น ๑ อุปปละ
๒๐ อุปปละเป็น ๑ ปุณฑรีกะ
๒๐ ปุณฑรีกะเป็น ๑ ปทุมะ

          ดูกรภิกษุ โกกาลิกภิกษุ เกิดในปทุมนรก เพราะยังจิตให้อาฆาตในสารีบุตร และ โมคคัลลานะ ครั้นพระผู้มีพระภาค ผู้สุคตศาสดาได้ตรัสไวยากรณ์ภาษิตนี้ จบลง แล้ว จึงได้ ตรัสคาถาประพันธ์ ต่อไปอีกว่า ผรุสวาจาเพียงดังจอบ ซึ่งเป็นเครื่อง ตัดทอนตน ของคนพาล ผู้กล่าวคำชั่ว ย่อมเกิดขึ้นที่ปาก ของบุคคลผู้เป็น บุรุษพาล

          ผู้ใดสรรเสริญผู้ที่ควรติเตียน หรือติเตียนคนที่ควรสรรเสริญผู้นั้น ชื่อว่าสะสม โทษด้วยปาก ย่อมไม่ประสบความสุข เพราะโทษนั้น การปราชัยด้วยทรัพย์  ในการ เล่นการพนันด้วยตนเอง จนหมดตัวนี้ เป็นโทษมีประมาณน้อย  การที่บุคคลยังใจให้ ประทุษร้าย ในพระอริยเจ้า ผู้ดำเนินดี แล้วนี้ เป็นโทษมากกว่า 

          บุคคลตั้งวาจาและใจ อันเป็นบาปแล้ว ติเตียนพระอริยะ ย่อมเข้าถึงนรก สิ้น หนึ่งแสน นิรัพพุทกัป ๓๖ นิรัพพุทะ และ ๕ อัพพุทะ

(๑) ขารีเท่ากับ ๒๔๖ ทะนาน

จบสูตรที่ ๙


 
 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์