พระไตรปิฎก ไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๒
สุตตันตปิฎก
หน้าที่ ๔๘ - ๕๐ ข้อที่ ๔๘
๘. ฐานสูตร
[๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้ อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆในโลก ไม่พึงได้ ๕ ประการเป็นไฉน คือฐานะว่า
* ขอสิ่งที่มีความแก่ เป็นธรรมดา [ของเรา] อย่าแก่ ๑
* ขอสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา [ของเรา] อย่าเจ็บไข้ ๑
* ขอสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา[ของเรา] อย่าตาย ๑
* ขอสิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา [ของ เรา] อย่าสิ้นไป ๑
* ขอสิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดา [ของเรา] อย่าฉิบหาย ๑
อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆในโลกไม่พึงได้
(ผู้ไม่ได้สดับ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย (๑) สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ของ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมแก่ไป เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา แก่ไปแล้ว เขาย่อมไม่เห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่ง ที่มีความแก่เป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้นแก่ไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความแก่เป็น ธรรมดา ของสัตว์ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมแก่ไป ทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่ไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึง เศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตร พึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาแก่ไปแล้ว เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลง งมงาย นี้เรียกว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับถูกลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษแทงเข้าแล้ว ย่อมทำตน ให้เดือดร้อน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง (๒) สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ของ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมเจ็บไข้ เมื่อสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาเจ็บไข้ไปแล้ว เขาย่อมไม่เห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้น เจ็บไข้ไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมเจ็บไข้ไป ทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความเจ็บไข้ เป็นธรรมดา เจ็บไข้ไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงาน ก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรพึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่งที่มีความ เจ็บไข้ เป็นธรรมดา เจ็บไข้ไปแล้ว เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลง งมงาย นี้เรียกว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับถูกลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษแทงเข้าแล้ว ย่อมทำตน ให้เดือดร้อน
(๓) สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา ของปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมตายไป เมื่อสิ่งที่มี ความตายเป็นธรรมดาตายไปแล้ว เขาย่อมไม่เห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความตายเป็น ธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้นตายไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดาของสัตว์ ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมตายไป ทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่ง ที่มีความตายเป็นธรรมดาตายไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรพึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่ง ที่มีความตายเป็นธรรมดาตายไปแล้ว เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลง งมงาย นี้เรียกว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับถูกลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษ แทงเข้าแล้ว ย่อมทำตน ให้เดือดร้อน
(๔) สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา ของปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมสิ้นไป เมื่อสิ่งที่ มีความสิ้นเป็นธรรมดาสิ้นไปแล้ว เขาย่อมไม่เห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความสิ้นเป็น ธรรมดา ของเราผู้เดียวเท่านั้นแก่ไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาของสัตว์ ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมสิ้นไป ทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่ง ที่มีความสิ้นเป็นธรรมดาสิ้นไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรพึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่ง ที่มีความสิ้นเป็นธรรมดาสิ้นไปแล้ว เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลง งมงาย นี้เรียกว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับถูกลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษแทงเข้าแล้ว ย่อมทำตน ให้เดือดร้อน
(๕) สิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดา ของปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ย่อมฉิบหายไป เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดา ฉิบหาย ไปแล้ว เขาย่อมไม่พิจารณาเห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดาของเราผู้เดียว เท่านั้นฉิบหายไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งปวง ที่มีการมา การไปการจุติ การอุปบัติ ย่อมฉิบหายไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็น ธรรมดาฉิบหายไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญหลงงมงาย แม้อาหาร เราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอมแม้การงานก็พึง หยุดชะงัก แม้พวก อมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรพึงเสียใจ ดังนี้เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหาย เป็นธรรมดาฉิบหายไปแล้ว เขาย่อมเศร้าโศก ลำบากร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย นี้เรียกว่าปุถุชนผู้ไม่ได้สดับถูกลูกศรคือ ความโศกที่มีพิษแทงเข้าแล้ว ย่อมทำตนให้เดือดร้อน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(อริยสาวกผู้ได้สดับ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนว่าสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ของ อริยสาวกผู้ได้ สดับ ย่อมแก่ไป เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็น ธรรมดาแก่ไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมพิจารณา เห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดาของเรา ผู้เดียวเท่านั้นแก่ไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา ของสัตว์ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมแก่ไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา แก่ไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรก็พึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่งที่มีความแก่เป็นธรรมดา แก่ไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่หลงงมงาย นี้เรียกว่าอริยสาวกผู้ได้สดับถอนลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษเป็นเครื่องเสียบแทง ปุถุชน ผู้ไม่ได้สดับ ทำตนให้เดือดร้อน อริยสาวก ผู้ไม่มีความโศก ปราศจากลูกศร ย่อมดับทุกข์ร้อนได้ด้วยตนเอง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ของอริยสาวก ผู้ได้สดับ ย่อมเจ็บไข้ เมื่อสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็น ธรรมดาเจ็บไข้ไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดาของเรา ผู้เดียวเท่านั้นเจ็บไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ของสัตว์ทั้งปวง ที่มี การมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมเจ็บไข้ไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความ เจ็บไข้ เป็นธรรมดา เจ็บไข้ไปแล้ว พึงเศร้าโศกลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรก็พึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่งที่มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา เจ็บไข้ไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่หลงงมงาย นี้เรียกว่าอริยสาวกผู้ได้สดับ ถอนลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษเป็นเครื่องเสียบแทงปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ทำตนให้ เดือดร้อน อริยสาวกผู้ไม่มีความโศก ปราศจากลูกศร ย่อมดับทุกข์ร้อนได้ด้วยตนเอง
สิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา ของอริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมตายไป เมื่อสิ่งที่มี ความตายเป็นธรรมดาตายไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มี ความตายเป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้นตายไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความตายเป็น ธรรมดา ของสัตว์ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมตายไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา ตายไปแล้ว พึงเศร้าโศกลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้า หมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรก็พึง เสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่งที่มีความตายเป็นธรรมดา ตายไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมไม่ เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่หลงงมงาย นี้เรียกว่าอริยสาวก ผู้ได้สดับถอนลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษเป็นเครื่องเสียบแทงปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ทำตนให้เดือดร้อน อริยสาวกผู้ไม่มีความโศก ปราศจากลูกศร ย่อมดับทุกข์ร้อน ได้ด้วยตนเอง
สิ่งที่มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา ของอริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมสิ้นไป เมื่อสิ่งที่มี ความสิ้นเป็นธรรมดา สิ้นไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่มี ความสิ้นเป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้นสิ้นไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความสิ้นเป็น ธรรมดา ของสัตว์ทั้งปวงที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมสิ้นไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความสิ้นเป็นธรรมดา สิ้นไปแล้ว พึงเศร้าโศกลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเราก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึง เศร้าหมอง ซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตร ก็พึงเสียใจ ดังนี้ เมื่อสิ่งที่มีความสิ้นเป็นธรรมดา สิ้นไปแล้ว อริยสาวกนั้นย่อมไม่ เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่หลงงมงาย นี้เรียกว่าอริยสาวก ผู้ได้สดับถอนลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษเป็นเครื่องเสียบแทงปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ทำตนให้เดือดร้อน อริยสาวกผู้ไม่มีความโศก ปราศจากลูกศร ย่อมดับทุกข์ร้อน ได้ด้วยตนเอง
สิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดา ของอริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมฉิบหายไป เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดาฉิบหายไปแล้ว
อริยสาวกนั้น ย่อมพิจารณาเห็นว่า ไม่ใช่สิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดาของเราผู้เดียวเท่านั้นฉิบหายไป โดยที่แท้ สิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดาของสัตว์ทั้งปวง ที่มีการมา การไป การจุติ การอุปบัติ ย่อมฉิบหายไปทั้งสิ้น ส่วนเราเอง ก็เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายไปเป็นธรรมดา ฉิบหายไปแล้ว พึงเศร้าโศก ลำบาก ร่ำไร ทุบอก คร่ำครวญ หลงงมงาย แม้อาหารเรา ก็ไม่อยากรับประทาน แม้กายก็พึงเศร้าหมองซูบผอม แม้การงานก็พึงหยุดชะงัก แม้พวกอมิตรก็พึงดีใจ แม้พวกมิตรก็พึงเสียใจ ดังนี้เมื่อสิ่งที่มีความฉิบหายเป็นธรรมดา ฉิบหายไปแล้ว อริยสาวกนั้น ย่อมไม่เศร้าโศกไม่ลำบาก ไม่ร่ำไร ไม่ทุบอก คร่ำครวญ ไม่หลงงมงาย นี้เรียกว่าอริยสาวกผู้ได้สดับถอนลูกศร คือ ความโศกที่มีพิษ อันเป็นเครื่อง เสียบแทงปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ทำให้เดือดร้อน อริยสาวกผู้ไม่มีความโศก ปราศจากลูกศร ย่อมดับความทุกข์ร้อนได้ด้วยตนเอง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้แล อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆในโลก ไม่พึงได้ ฯ ประโยชน์แม้เล็กน้อยในโลกนี้ อันใครๆ ย่อมไม่ได้ เพราะการเศร้าโศก เพราะการคร่ำครวญ พวกอมิตรทราบว่าเขาเศร้าโศก เป็นทุกข์ ย่อมดีใจ ก็คราวใด บัณฑิตผู้พิจารณารู้เนื้อความ ไม่หวั่นไหวในอันตรายทั้งหมด คราวนั้น พวกอมิตรเห็นหน้าอันไม่ผิดปรกติของบัณฑิตนั้น ยิ้มแย้มตามเคย ย่อมเป็น ทุกข์ บัณฑิตพึงได้ประโยชน์ในที่ใดๆ ด้วยประการใดๆ เพราะการสรรเสริญ เพราะความรู้ เพราะกล่าวคำสุภาษิต เพราะการบำเพ็ญทาน หรือเพราะประเพณี ของตนก็พึงบากบั่นในที่นั้นๆ ด้วยประการนั้นๆ ถ้าพึงทราบว่าความต้องการอย่างนี้ อันเราหรือผู้อื่นไม่พึงได้ไซร้ ก็ไม่ควรเศร้าโศก ควรตั้งใจทำงานโดยเด็ดขาดว่า บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ดังนี้
จบสูตรที่ ๘ |