อาหุเนยยสูตร
อาหุเนยยสูตรที่ ๑
[๑๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๘ ประการ เป็นผู้ควร ของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญ ของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ธรรม ๘ ประการ เป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
(1) เป็นผู้มีศีล ฯลฯ สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑
(2) เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ๑
(3) เป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ๑
(4) เป็นสัมมาทิฐิ ประกอบด้วยความเห็นชอบ ๑
(5) มีปรกติได้ตามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔
อันมีในจิตยิ่ง เป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ๑
(6) ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมากคือ ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ
ย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมากพร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วย ประการ ฉะนี้ ๑
(7) ย่อมเห็นหมู่สัตว์ ฯลฯด้วยทิพจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ฯลฯ
ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ๑
(8) กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะ
ทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
จบสูตรที่ ๗
-พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) ๒๓/๒๒๘-๒๒๙/๑๔๗
อาหุเนยยสูตรที่ ๒
[๑๔๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๘ ประการ
เป็นผู้ควร ของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ธรรม ๘ ประการเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้
(1) เป็นผู้มีศีล ฯลฯ
สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑
(2) เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฐิ ๑
(3) เป็นผู้ปรารภความเพียร มีกำลัง มีความบากบั่นมั่นคง
ไม่ทอดธุระ
ในกุศลธรรมทั้งหลาย ๑
(4) เป็นผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร อยู่ในเสนาสนะ อันสงัด ๑
(5) เป็นผู้อดกลั้น ความไม่ยินดีและความยินดี ระงับความไม่ยินดี
ที่เกิดขึ้นแล้ว ๑
(6) เป็นผู้อดกลั้นความกลัวต่อภัยเสียได้ ระงับความกลัวต่อภัย
ที่เกิดขึ้นแล้ว ๑
(7) มีปรกติได้ตามความปรารถนาได้โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ซึ่งฌาน ๔
อันมีในจิตยิ่งเป็นเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ๑
(8) กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะ ทั้งหลายสิ้นไป ฯลฯ เข้าถึงอยู่ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๘ ประการนี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯเป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
จบสูตรที่ ๘
- พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) ๒๓/๒๒๙/๑๔๘
อาหุเนยยสูตร
[๑๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้ เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ควร ของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญ อื่นยิ่งกว่า ๑๐ จำพวกเป็นไฉน คือ
(1) พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑
(2) พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า ๑
(3) ท่านผู้เป็นอุภโตภาควิมุต ๑
(4) ท่านผู้เป็นปัญญาวิมุต ๑
(5) ท่านผู้เป็นกายสักขี ๑
(6) ท่านผู้เป็นทิฏฐิปัตตะ ๑
(7) ท่านผู้เป็นสัทธาวิมุต ๑
(8) ผู้เป็นธัมมานุสารี ๑
(9) ท่านผู้เป็นสัทธานุสารี ๑
(10) ท่านผู้เป็นโคตรภู ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
จบสูตรที่ ๖
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
อาหุเนยยสูตร
[๒๑๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๙ จำพวกนี้ เป็นผู้ควรของคำนับ เป็นผู้ ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของ โลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
๙ จำพวกเป็นไฉน คือ
(1) พระอรหันต์ ๑
(2) ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอรหันต์ ๑
(3) พระอนาคามี ๑
(4) ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งอนาคามิผล ๑
(5) พระสกทาคามี ๑
(6) ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งสกทาคามิผล ๑
(7) พระโสดาบัน ๑
(8) ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ๑
(9) โคตรภูบุคคล ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๙ จำพวกเหล่านี้แล เป็นผู้ควรของคำนับ ฯลฯ เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
|