บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๓๑๙/๔๘๑.
บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๓๑๑/๔๖๘
พาลบัณฑิตสูตร
วิบากกรรมของคนพาล
ภิกษุทั้งหลาย !
ลักษณะเครื่องหมาย เครื่องอ้างว่าเป็นพาล ของคนพาลนี้ มี ๓ อย่าง.
๓ อย่าง อย่างไรเล่า ?
ภิกษุทั้งหลาย !
คนพาลในโลกนี้
มักคิด ความคิด ที่ชั่ว
มักพูด คำพูด ที่ชั่ว
มักทำ การทำ ที่ชั่ว
ถ้าคนพาลจักไม่เป็นผู้คิดความคิดที่ชั่ว พูดคำพูดที่ชั่ว และทำการทำที่ชั่ว บัณฑิตพวกไหน จะพึงรู้จักเขาได้ว่า ผู้นี้เป็นคนพาล เป็นอสัตบุรุษ เพราะคนพาล มักคิดความคิดที่ชั่ว มักพูดคำพูดที่ชั่ว และมักทำการทำที่ชั่ว
ฉะนั้น พวกบัณฑิต จึงรู้ได้ว่า นี่เป็นคนพาล เป็น อสัตบุรุษ.
ภิกษุทั้งหลาย ! คนพาลนั้นนั่นแล ย่อมเสวยทุกขโทมนัส
๓ อย่างในปัจจุบัน.
(1)
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าคนพาลนั่งในสภาก็ดี ริมถนนก็ดี ริมทางสามแพร่งก็ดี ชนในที่นั้นๆ จะพูดถ้อยคำที่พอเหมาะพอสมแก่เขา ถ้าคนพาล
มักเป็นผู้ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง
มักถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้
มักประพฤติผิดในกาม
มักพูดเท็จ
มีปกติตั้งอยู่ใน ความประมาท เพราะดื่มน้ำเมาคือ สุราและเมรัย
ในเรื่องที่ชนพูดถ้อยคำที่พอเหมาะ
พอสมแก่เขานั้นแล คนพาลจะมีความรู้สึก อย่างนี้ว่า ธรรมเหล่านั้นมีอยู่ในเรา และเราก็ปรากฏในธรรมเหล่านั้นด้วย.
ภิกษุทั้งหลาย ! คนพาลย่อมเสวยทุกขโทมนัส ข้อที่ ๑ ดังนี้ในปัจจุบัน.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(2)
ภิกษุทั้งหลาย ! ประการอื่นยังมีอีก คนพาลเห็นพระราชาทั้งหลาย
จับโจร ผู้ประพฤติผิด มาแล้ว สั่งลงกรรมกรณ์ต่างชนิด คือ
(๑) โบยด้วยแส้บ้าง
(๒) โบยด้วยหวายบ้าง
(๓) ตีด้วยตะบองสั้นบ้าง
(๔) ตัดมือบ้าง
(๕) ตัดเท้าบ้าง
(๖) ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง
(๗) ตัดหูบ้าง
(๘) ตัดจมูกบ้าง
(๙) ตัดทั้งหูทั้งจมูกบ้าง
(๑๐) ลงกรรมกรณ์วิธี หม้อเคี่ยวน้ำส้ม บ้าง
(๑๑) ลงกรรมกรณ์วิธี ขอดสังข์ บ้าง
(๑๒) ลงกรรมกรณ์วิธี ปากราหู บ้าง
(๑๓) ลงกรรมกรณ์วิธี มาลัยไฟ บ้าง
(๑๔) ลงกรรมกรณ์วิธี คบมือ บ้าง
(๑๕) ลงกรรมกรณ์วิธี ริ้วส่าย บ้าง
(๑๖) ลงกรรมกรณ์วิธี นุ่งเปลือกไม้ บ้าง
(๑๗) ลงกรรมกรณ์วิธี ยืนกวาง บ้าง
(๑๘) ลงกรรมกรณ์วิธี เกี่ยวเหยื่อเบ็ด บ้าง
(๑๙) ลงกรรมกรณ์วิธี เหรียญกษาปณ์ บ้าง
(๒๐) ลงกรรมกรณ์วิธี แปรงแสบ บ้าง
(๒๑) ลงกรรมกรณ์วิธี กางเวียน บ้าง
(๒๒) ลงกรรมกรณ์วิธี ตั่งฟาง บ้าง
(๒๓) ราดด้วยน้ำมันเดือดๆ บ้าง
(๒๔) ให้สุนัขทึ้งบ้าง
(๒๕) ให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็นๆ บ้าง
(๒๖) ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง
ในขณะที่เห็นนั้น คนพาลจะมีความรู้สึกอย่างนี้ว่า เพราะเหตุแห่งกรรมชั่วปานใดแล พระราชาทั้งหลายจึงจับโจรผู้ประพฤติผิดมาแล้ว สั่งลงกรรมกรณ์ต่างชนิด คือ โบยด้วยแส้บ้าง .. ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ก็ธรรมเหล่านั้น มีอยู่ในเรา และเราก็ปรากฏ ในธรรมเหล่านั้นด้วย ถ้าแม้พระราชาทั้งหลายรู้จักเรา ก็จะจับเราแล้วสั่งลงกรรมกรณ์ ต่างชนิด คือโบยด้วยแส้บ้าง ...ตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง
ภิกษุทั้งหลาย ! คนพาลย่อมเสวยทุกขโทมนัสข้อที่ ๒ แม้ดังนี้ในปัจจุบัน.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(3)
ภิกษุทั้งหลาย ! ประการอื่นยังมีอีก กรรมอันเป็นบาปที่คนพาลทำไว้ในกาล ก่อน คือ
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ย่อมปกคลุม ครอบงำคนพาลผู้อยู่บนตั่ง หรือบนเตียง หรือนอนบนพื้นดิน ในสมัยนั้น เปรียบเหมือนเงายอดภูเขาใหญ่ ย่อมปกคลุม ครอบงำ แผ่นดินในสมัย เวลาเย็น ฉันใด.
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันนั้นเหมือนกันแล กรรมอันเป็นบาปที่คนพาลทำไว้ในก่อน
คือ
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
ย่อมปกคลุม ครอบงำคนพาลผู้อยู่บนตั่ง หรือบนเตียง หรือนอนบนพื้นดินในสมัยนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย !
ในสมัยนั้น คนพาลจะมีความรู้สึกอย่างนี้ว่า เราไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำเครื่องป้องกันความหวาดกลัวไว้ ทำแต่ความชั่ว ทำแต่ความร้าย
ทำแต่ความเลว ละโลกนี้ไปแล้ว จะไปสู่คติของคนที่ไม่ได้ทำความดี ไม่ได้ทำกุศล ไม่ได้ทำเครื่องป้องกันความหวาดกลัวไว้ ทำแต่ความชั่ว ความร้าย และความเลว เป็นกำหนด คนพาลนั้นย่อมเศร้าโศก ระทมใจ คร่ำครวญ ทุบอกร่ำไห้ ถึงความหลงใหลอยู่.
ภิกษุทั้งหลาย ! คนพาลย่อมเสวยทุกขโทมนัสข้อที่ ๓ แม้ดังนี้ในปัจจุบัน.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภิกษุทั้งหลาย ! คนพาลนั้นนั่นแลประพฤติทุจริต ทางกาย ทางวาจา ทางใจแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก.
ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลเมื่อจะกล่าวให้ถูกต้อง พึงกล่าวถึงนรกนั้นนั่นแหละว่า เป็นสถานที่ ที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่ารักใคร่ ไม่น่าพอใจโดยส่วนเดียว.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนบุรุษทิ้งแอกที่มีรูเดียว
ลงไปในมหาสมุทร แอกนั้น ถูกลมตะวันออกพัดไปทางทิศตะวันตก ถูกลมตะวันตกพัดไปทางทิศ ตะวันออก ถูกลมเหนือพัดไปทางทิศใต้ ถูกลมใต้พัดไปทางทิศเหนือ มีเต่าตาบอด อยู่ในมหาสมุทรนั้น ล่วงไปร้อยปีจึงจะผุดขึ้นครั้งหนึ่ง.
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไรเล่า ? เต่าตาบอดตัวนั้น จะพึงเอาคอสวมเข้าที่แอก ซึ่งมีรูเดียวโน้นได้บ้างไหมหนอ ?
ข้อนั้นเป็นไปไม่ได้เลย พระเจ้าข้า !
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ถ้าจะเป็นไปได้บ้างในบางครั้งบางคราว ก็โดยล่วงระยะ กาลนานแน่นอน.
ภิกษุทั้งหลาย ! เต่าตาบอดตัวนั้นจะพึงเอาคอสวมเข้าที่แอกซึ่งมีรูเดียว โน้นได้ ยังจะเร็วกว่า เรากล่าวความเป็นมนุษย์ ที่คนพาลผู้ไปสู่วินิบาตคราวหนึ่ง
แล้วจะพึง ได้ยังยากกว่านี้ นั่นเพราะเหตุไร ?
ภิกษุทั้งหลาย ! เพราะในตัวคนพาลนี้ ไม่มีการประพฤติธรรม ไม่มีความประพฤติสงบ ไม่มีการทำกุศล ไม่มีการทำบุญ มีแต่การกินกันเอง การเบียดเบียนผู้อ่อนแอ.
ภิกษุทั้งหลาย !
คนพาลนั้นนั่นแล ถ้าจะมาสู่ความเป็นมนุษย์ ในบางครั้ง บาง คราว ไม่ว่ากาลไหนๆ โดยล่วงระยะกาลนาน ก็ย่อมเกิดในสกุลต่ำ คือ สกุล คนจัณฑาล หรือสกุลคนจักสาน หรือสกุลช่างรถ หรือสกุลคนเทขยะ เห็นปานนั้น ในบั้นปลาย อันเป็นสกุลคนจน มีข้าว น้ำและอาหารน้อย
มีชีวิตเป็นไปลำบาก ซึ่งเป็นสกุลที่จะได้ ของกิน และเครื่องนุ่งห่ม โดยฝืดเคือง และเขาจะมีผิวพรรณทราม น่าเกลียดชัง ร่างม่อต้อ มีโรคมาก เป็นคน ตาบอดบ้าง เป็นคนง่อยบ้าง เป็นคนกระจอกบ้าง เป็นคนเปลี้ยบ้าง ไม่ได้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน
ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน
ที่อยู่อาศัย และเครื่องตามประทีป เขาจะประพฤติกาย ทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ครั้นแล้วเมื่อตายไป จะเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก.
ภิกษุทั้งหลาย ! เหมือนนักเลงการพนัน เพราะเคราะห์ร้ายประการแรกเท่านั้น
จึงต้อง เสียลูกบ้าง เสียเมียบ้าง เสียสมบัติทุกอย่างบ้าง ยิ่งขึ้นไปอีก ต้องถึงถูกจองจำ เคราะห์ร้ายของนักเลงการพนัน ที่ต้องเสียไปดังนั้น เพียงเล็กน้อย ที่แท้แล เคราะห์ร้าย อันใหญ่หลวงกว่านั้น คือ เคราะห์ที่คนพาลนั้นประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตแล้ว ตายไป
เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก นั่นเอง.
บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๓๑๙/๔๘๑.
บาลี อุปริ. ม. ๑๔/๓๑๑/๔๖๘ |