|
(โดยย่อ)
พระสูตรนี้แสดงให้เห็นว่าพระสารีบุตร รู้ตัวทั่วพร้อมตั้งจิตอยู่กับกายหรือมี "กายคตาสติ" ตลอดเวลา
ภิกษุรูปหนึ่งเห็นพระสารีบุตรลุกขึ้น กระทบพระศาสดา แล้วหลีกไปโดยไม่กล่าวขอโทษ จึงฟ้องพระผู้มีพระภาค พ.จึงให้ภิกษุไปตามพระสารีบุตรให้เข้ามาหา.. พระโมคคัลลานะ ทราบ เช่นนั้น (รู้ด้วยเจโตปริยญาณ) จึงประกาศให้ภิกษุเข้ามาฟัง ว่าพระสารีบุตรกำลังจะบันลือสีหนาท
พระสารีบุตรทูลว่า ตนเองตั้งจิตอยู่กับกาย หรือ กายคตาสติ ตลอดเวลา พร้อมยกอุปมาหลายข้อ
ภิกษุรูปนั้นลุกจากอาสนะ หมอบลงแทบพระบาทพระผู้มีพระภาค พร้อมกล่าวคำขอโทษว่า โทษได้ ครอบงำตน เป็นคนพาล ไม่ฉลาด กล่าวคำไม่จริง ขอให้พระองค์โปรดรับโทษโดยความเป็นโทษ เพื่อความสำรวมต่อไปเถิด
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า ดูกรสารีบุตร เธอจงอดโทษ ต่อโมฆบุรุษผู้นี้ มิฉะนั้น เพราะโทษนั้นนั่นแล ศีรษะของโมฆบุรุษนี้จักแตก ๗ เสี่ยง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ข้อคิด)
1.ภิกษุที่กล่าวโทษพระสารีบุตร ยังมีความยึดติดในรูปกายของพระสารีบุตร จึงเห็นโทษของกาย (ขันธ๕) แต่ ส. ผู้พ้นแล้วจากความยึดติดซึ่งกายนั้น ขณะเดียวกันจิตของ ส. ก็ตั้งอยู่ใน กายคตาสติ ตลอดเวลา แต่ภิกษุรูปยังไม่เห็นแจ้ง (อินทรีย์อ่อน) จึงกล้าตำหนิผู้เป็นอรหันต์
2.การกล่าวตำหนิพระอรหันต์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยถ้อยคำที่เป็นเท็จ ย่อมมีโทษ ศรีษะอาจแตก เป็น 7 เสี่ยง
แต่ภิกษุนั้นกล่าวขอโทษต่อพระผู้มีพระภาค และพระสารีบุตรได้ยกโทษให้แล้ว โทษนั้น เป็นอันระงับไป |
|