เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
  มิคสาลาสูตร (บุคคล 10 จำพวก) ฟังธรรม(ผู้ได้สดับ) กับ ไม่ฟังธรรม(ไม่ได้สดับ) 229  
 
     สรุปย่อ บุคคล 10 จำพวก (ผู้ได้สดับ กับผู้ไม่ได้สดับ)

 
  ทุศีล
   1 ทุศีล+ไม่ฟังธรรมเนืองๆ ไม่แทงตลอด ไม่รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเสื่อม
   2 ทุศีล+ ฟังธรรมเนืองๆ แทงตลอดด้วยทิฐิ รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเจริญ
  
   มีศีล
   3 มีศีล+ไม่ฟังธรรมเนืองๆ ไม่แทงตลอด ไม่รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเสื่อม
   4 มีศีล+ ฟังธรรมเนืองๆ แทงตลอดด้วยทิฐิ รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเจริญ

   ราคะกล้า
   5 ราคะกล้า+ไม่ฟังธรรมเนืองๆ ไม่แทงตลอด ไม่รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเสื่อม
   6 ราคะกล้า+ ฟังธรรมเนืองๆ แทงตลอดด้วยทิฐิ รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเจริญ

   มักโกรธ

   7 มักโกรธ+ไม่ฟังธรรมเนืองๆ ไม่แทงตลอด ไม่รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเสื่อม
   8 มักโกรธ+ ฟังธรรมเนืองๆ แทงตลอดด้วยทิฐิ รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเจริญ

   ฟุ้งซ่าน

   9 ฟุ้งซ่าน+ไม่ฟังธรรมเนืองๆ ไม่แทงตลอด ไม่รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเสื่อม
   
10 ฟุ้งซ่าน+ ฟังธรรมเนืองๆ แทงตลอดด้วยทิฐิ รู้ชัดเจโต-ปัญญาวิมุตติ ย่อมไปในทางเจริญ

ดูกรอานนท์ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าประมาณในบุคคล (อย่าดูถูก) และอย่าได้ถือประมาณในบุคคลเพราะ ผู้ถือประมาณในบุคคล ย่อมทำลายคุณวิเศษของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเรา พึงถือประมาณในบุคคลได้ (ยกเว้นตถาคต หรืออรหันตสัมพุทธเท่านั้นที่ทำได้)

มิคสาลาอุบาสิกาถามปัญหากับอานนท์
ปุราณะ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ งดเว้นจากเมถุน (เว้นการมีเพศสัมพันธ์) ทำกาละแล้ว
แต่พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต

อิสิทัตตะ ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ยินดีในภรรยาของตน (ยังเสพเมถุนกาม) ทำกาละแล้ว
พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต

ปัญหา บุคคล 2 ประพฤติพรหมจรรย์ (ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า) อีกคนหนึ่งไม่ปฏิบัติตามคำสอน เหตุใดเมื่อทำกาละ จึงเข้าถึงเทวดาชั้นดุสิตเหมือนกัน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
โดยสรุป... บุคคใดประพฤติพรหมจรรย์มาเหมือนกัน (เช่นอยู่ในศีลในธรรม) แต่คนหนึ่งเคยฟังธรรม ของพระตถาคต ตริตรึกใคร่ครวญ แทงตลอดอย่างดีด้วยทิฏฐิในธรรมนั้นๆ บุคคลนั้นย่อมไปสู่สุขคติ .. ส่วนผู้ที่ไม่สนใจฟังธรรม ไม่แทงตลอด ไม่เป็นพหูสูต ย่อมไปสู่ทุคติวินิบาต ดังนั้นการเป็นผู้ได้สดับ (คำของตถาคต) จึงมีความสำคัญในภพใหม่ และยังได้อานิสงส์ไปจนถึงนิพพาน

  เจโตวิมุติ คือ เข้าถึงวิมุติ และสิ้นอาสวะด้วยกำลังของสมาธิ ชำนาญในการเจริญภาวนา
  เช่น พระโมคคัลลานะ เข้าถึงวิมุติด้วยการเจริญอิทธิบาท ๔


 
ปัญญาวิมุติ คือ เข้าถึงวิมุติ และสิ้นอาสวะด้วยปัญญา หรือฟังธรรมจนรู้แจ้ง เช่นพระสารีบุตร
  อาสวะสิ้นไปขณะฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า หรือ พาหิยะทารุจีริยะ ก็เช่นกัน
เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 


พระไตรปิฎก (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๒๔ สุตตันตปิฎกหน้าที่ ๑๒๒ - ๑๒๖


มิคสาลาสูตร (บุคคล 10 จำพวก)

          [๗๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ ท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เวลาเช้าท่านพระอานนท์ นุ่งแล้ว ถือบาตร และจีวรเข้าไปยังที่อยู่ของมิคสาลาอุบาสิกา แล้วนั่งบนอาสนะ ที่เขาปูลาด ถวาย ครั้งนั้น มิคสาลา อุบาสิกาเข้าไปหาท่านพระอานนท์กราบไหว้ แล้วนั่ง ณ ที่ควร ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถาม ท่านพระอานนท์ว่า

ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว อันเป็นเหตุ ให้คน สองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์ คนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไร คือ

บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกล งดเว้น จากเมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน ท่านกระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรง พยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต (ชั้นกามภพ)

บุรุษชื่ออิสิทัตตะ ผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ (แต่) ยินดีด้วยภรรยา ของตน แม้เขาทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่า เป็นสกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต (ชั้นกามภพ)

ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว อันเป็นเหตุให้คน สองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์ คนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีสติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนจะพึงรู้ทั่วถึงได้อย่างไรฯ

ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่าง นั้น แล ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์รับบิณฑบาตที่นิเวศน์ของมิคสาลาอุบาสิกา ลุกจาก อาสนะกลับไปแล้ว ครั้งนั้นท่านพระอานนท์กลับจากบิณฑบาต ภายหลังภัต เข้าไป เฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่งณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส เวลาเช้า ข้าพระองค์นุ่งแล้ว ถือบาตร และจีวรเข้าไปยังนิเวศน์ของอุบาสิกาชื่อมิคสาลา แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดถวาย ลำดับนั้น มิคสาลาอุบาสิกาเข้าไปหา ข้าพระองค์ กราบไหว้แล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วน ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามข้าพระองค์ว่า ข้าแต่ท่านอานนท์ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงแล้วอันเป็นเหตุให้คนสองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์ คนหนึ่งไม่ ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็นผู้มีคติเสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนพึงรู้ทั่วถึงได้ อย่างไร คือ

(ปัญหาบุคคลสองคนประพฤติธรรมกับไม่ประพฤติ แต่กลับเสมอกันในสัมปรายภพ)

บิดาของดิฉันชื่อปุราณะ เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ประพฤติห่างไกลงดเว้นจาก เมถุน อันเป็นธรรมของชาวบ้าน ท่านกระทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ ว่า เป็น สกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต

บุรุษชื่ออิสิทัตตะ ผู้เป็นที่รักของบิดาของดิฉัน ไม่เป็นผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ยินดี ด้วยภรรยาของตน แม้เขาทำกาละแล้ว พระผู้มีพระภาคก็ทรงพยากรณ์ว่าเป็น สกทาคามีบุคคล เข้าถึงชั้นดุสิต

ข้าแต่ท่านพระอานนท์ ธรรมนี้ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว อันเป็นเหตุให้คน สองคน คือ คนหนึ่งประพฤติพรหมจรรย์ คนหนึ่งไม่ประพฤติพรหมจรรย์ จักเป็น ผู้มีคติ เสมอกันในสัมปรายภพ อันวิญญูชนพึงรู้ ทั่วถึงได้อย่างไร เมื่อมิคสาลา อุบาสิกา กล่าวอย่างนี้แล้ว ข้าพระองค์ได้กล่าวกะมิคสาลาอุบาสิกา ว่า ดูกรน้องหญิง ก็ข้อนี้พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ไว้อย่างนี้แล

(พระผู้มีพระภาคทรงอธิบายไว้ดังนี้)

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรอานนท์ ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาลไม่ฉลาด เป็นคนบอด มีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่ง และ หย่อนแห่ง อินทรีย์ของบุคคล

ดูกรอานนท์ บุคคล ๑๐ จำพวกนี้มีอยู่ในโลก ๑๐ จำพวกเป็นไฉน

1 ดูกรอานนท์ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ทุศีล และไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญา วิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้น ไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทง ตลอดแม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อม ไม่ถึงความเจริญ
(เจโตวิมุติ : สมาธิ มีอารมณ์เดียว /ปัญญาวิมุติ : เห็นเกิดดับในสมาธิ)

2 ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ทุศีล แต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญา วิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอด ด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อมย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม

ดูกรอานนท์ พวกคนผู้ถือประมาณ ย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่า ธรรมแม้ของคนนี้ก็ เหล่านั้นแหละ ธรรมแม้ของคนอื่นก็เหล่านั้นแหละ เพราะเหตุไรในสองคนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไป เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลเพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน

ดูกรอานนท์ ในสองคนนั้น บุคคลใดเป็นผู้ทุศีล และรู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความเป็นผู้ทุศีลของเขา ตามความเป็นจริง กระทำกิจ แม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้ วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย

ดูกรอานนท์ บุคคลนี้ดีกว่าและประณีตกว่าบุคคลที่กล่าวข้างต้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้ นอกจากตถาคต

ดูกรอานนท์ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าได้เป็นผู้ชอบประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคล เพราะผู้ถือประมาณในบุคคลย่อมทำลาย คุณวิเศษ ของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ


3 ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีศีล แต่ไม่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญา วิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นไม่ทำกิจ แม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดแม้ด้วยทิฐิ ย่อม ไม่ได้ วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึง ความเสื่อมอย่างเดียว ไม่ถึงความเจริญ

4 ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีศีล และรู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญา วิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งศีลของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจ แม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้ วิมุติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึง ความเจริญ อย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อมดูกรอานนท์ ฯลฯ เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือ ประมาณ ในบุคคลได้ ฯ


5 ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้เป็น ผู้มีราคะกล้า ทั้งไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งราคะของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้น ไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดด้วยดี แม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัยเมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไป ทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อมอย่างเดียวไม่ถึงความเจริญ

6 ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีราคะกล้า แต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งราคะของเขาตามความเป็นจริง บุคคลนั้น กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดีแม้ ด้วย ทิฐิ ย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัยเมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียวไม่ถึงความเสื่อม ดูกรอานนท์ ฯลฯ เราหรือผู้ที่เหมือนเรา พึงถือ ประมาณในบุคคลได้ ฯ


7 ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักโกรธ ทั้งไม่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความโกรธของเขาตามความเป็นจริง บุคคลนั้น ไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอดด้วยดีแม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อมอย่างเดียว ไม่ถึงความเจริญ

8 ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักโกรธ แต่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความโกรธของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอด ด้วยดีแม้ด้วยทิฐิย่อมได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทางเสื่อม ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม ดูกรอานนท์ ฯลฯ เราหรือผู้ที่เหมือนเราพึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ


9 ดูกรอานนท์ ก็บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ทั้งไม่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความฟุ้งซ่านของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นไม่กระทำกิจแม้ด้วยการฟัง ไม่กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต ไม่แทงตลอด ด้วยดี แม้ด้วยทิฐิ ย่อมไม่ได้วิมุตติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเสื่อม ไม่ไปทางเจริญ ย่อมถึงความเสื่อมอย่างเดียว ไม่ถึงความเจริญ

10 ดูกรอานนท์ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฟุ้งซ่าน แต่รู้ชัด ซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความฟุ้งซ่านของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูตแทงตลอด ด้วยดี แม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุติแม้อันเกิดในสมัย เมื่อตายไป เขาย่อมไปทางเจริญ ไม่ไปทาง เสื่อม ย่อมถึงความเจริญอย่างเดียว ไม่ถึงความเสื่อม


ดูกรอานนท์ พวกคนผู้ถือประมาณ ย่อมประมาณในเรื่องนั้นว่าธรรม แม้ของคนนี้ ก็เหล่านั้นแหละ ธรรมแม้ของคนอื่นก็เหล่านั้นแหละ เพราะเหตุไร ในสองคนนั้น คนหนึ่งเลว คนหนึ่งดี ก็การประมาณของคนผู้ถือประมาณเหล่านั้น ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อทุกข์ ตลอดกาลนาน

ดูกรอานนท์ ในสองคนนั้น บุคคลใดเป็นผู้ฟุ้งซ่านแต่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันเป็นที่ดับโดยไม่เหลือแห่งความฟุ้งซ่านของเขา ตามความเป็นจริง บุคคลนั้นกระทำกิจแม้ด้วยการฟัง กระทำกิจแม้ด้วยความเป็นพหูสูต แทงตลอดด้วยดี แม้ด้วยทิฐิ ย่อมได้วิมุติแม้อันเกิดในสมัย บุคคลนี้ดีกว่าและประณีตกว่าบุคคลที่กล่าว ข้างต้นโน้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะกระแสแห่งธรรมย่อมถูกต้องบุคคลนี้ ใครเล่าจะพึงรู้เหตุนั้นได้นอกจากตถาคต

ดูกรอานนท์ เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายอย่าประมาณในบุคคล และอย่าได้ถือประมาณในบุคคลเพราะ ผู้ถือประมาณในบุคคล ย่อมทำลายคุณวิเศษ ของตน เราหรือผู้ที่เหมือนเรา พึงถือประมาณในบุคคลได้ ฯ

ดูกรอานนท์ ก็มิคสาลาอุบาสิกาเป็นพาล ไม่ฉลาด เป็นคนบอดมีปัญญาทึบ เป็นอะไร และพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอะไร ในญาณเครื่องกำหนดรู้ความยิ่ง และหย่อนแห่ง อินทรีย์ของ บุคคล

ดูกรอานนท์ บุคคล ๑๐ จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก
ดูกรอานนท์ บุรุษชื่อปุราณะ เป็นผู้ประกอบด้วย ศีล เช่นใด
บุรุษชื่ออิสิทัตตะ ก็เป็นผู้ประกอบด้วย ศีล เช่นนั้น
บุรุษชื่อปุราณะ จะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่ออิสิทัตตะก็หามิได้

บุรุษชื่ออิสิทัตตะ เป็นผู้ประกอบด้วย ปัญญา เช่นใด
บุรุษชื่อปุราณะก็เป็นผู้ประกอบด้วย ปัญญา เช่นนั้น
บุรุษชื่ออิสิทัตตะจะได้รู้แม้คติของบุรุษชื่อปุราณะก็หามิได้

ดูกรอานนท์ คนทั้งสองนี้เลวกว่ากันด้วยองค์คุณคนละอย่าง ด้วยประการฉะนี้


 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์