(สรุปย่อพอสังเขป)
ท่านพระสมิทธิเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาค
ที่เรียกว่า มาร มาร ดังนี้ ด้วยเหตุเพียง เท่าไรหนอ จึงเป็นมาร
ตา รูป จักขุวิญญาณ(ผัสสะ) และธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักขุวิญญาณ มีอยู่ในที่ใด มารก็มีอยู่ในที่นั้น
ตา รูป จักขุวิญญาณ และธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วย จักขุวิญญาณ ไม่มีอยู่ในที่ใด มารก็ไม่มีอยู่ในที่นั้น
(กรณี หู - เสียง จมูก-กลิ่น ลิ้น-รส โผฏฐัพพะ-สัมผัส ใจ-ธรรมารมณ์ ก็ตรัสทำนองเดียวกัน)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่เรียกว่า สัตว์ สัตว์ ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไรหนอ จึงเป็นสัตว์หรือบัญญัติว่าสัตว์
ตา รูป จักขุวิญญาณ(ผัสสะ) และธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วย จักขุวิญญาณ มีอยู่ในที่ใด สัตว์ก็มีอยู่ในที่นั้น
ตา รูป จักขุวิญญาณ และธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วย จักขุวิญญาณ ไม่มีอยู่ในที่ใด สัตว์ก็ไม่มีอยู่ในที่นั้น
(กรณี หู - เสียง จมูก-กลิ่น ลิ้น-รส โผฏฐัพพะ-สัมผัส ใจ-ธรรมารมณ์ ก็ตรัสทำนองเดียวกัน)
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่เรียกว่า โลก โลก ดังนี้ ด้วยเหตุเพียง เท่าไร หนอ จึงเป็นโลกหรือบัญญัติว่าโลก
ตา รูป จักขุวิญญาณ(ผัสสะ) และธรรมที่จะพึงรู้แจ้ง ด้วยจักขุวิญญาณ มีอยู่ในที่ใด โลกก็มีอยู่ในที่นั้น
ตา รูป จักขุวิญญาณ และธรรมที่จะพึงรู้แจ้ง ด้วยจักขุวิญญาณ ไม่มีอยู่ในที่ใด โลกก็ไม่มีอยู่ในที่นั้น
(กรณี หู - เสียง จมูก-กลิ่น ลิ้น-รส โผฏฐัพพะ-สัมผัส ใจ-ธรรมารมณ์ ก็ตรัสทำนองเดียวกัน)
สรุปอีกอย่างหนึ่ง
ที่ใดมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ..และมีการรู้แจ้งด้วยวิญญาณ ในอายตนะทั้ง๖
ที่นั่นมีมาร ที่นั่นมีสัตว์ ที่นั่นมีโลก
ที่ใดไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ..และมีการรู้แจ้งด้วยวิญญาณ ในอายตนะทั้ง๖
ที่นั่นไม่มีมาร ที่นั่นไม่มีสัตว์ ที่นั่นไม่มีโลก
(ตา+รูป+จักษุวิญญาณ) คือผัสสะ เมื่อองค์ประกอบทั้ง3 เกิดขึ้น จึงเกิดการรับรู้(ธรรมที่พึงรู้แจ้ง) ทันที เช่น เห็นคน(เห็นเป็นคน) เห็นต้นไม้ เช่นเมื่อเรามองไปที่ถนน ก็เห็นรถวิ่งไปมา แสดงว่าการเห็นรถ เกิดขึ้นแล้ว และรู้ว่าเป็นรถ.. การรู้ว่าเป็นรถ คือ ธรรมที่พึงรู้แจ้ง (ขบวนการเห็น ครบองค์ประกอบแล้ว)
|