พระไตรปิฎกไทย(ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๘ หน้าที่ ๑๕๘-๑๖๑
ฉันทราคสูตร
[๒๖๐]สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับภิกขุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าไม่เที่ยง
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในรูป นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในเสียง นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในกลิ่น นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในรส นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในโผฏฐัพพะ นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในธรรมารมณ์ นั้นเสีย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ราคะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าไม่เที่ยง
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละราคะในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละ ฉันทราคะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าไม่เที่ยง
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย
............................................................... .......................................
[๒๖๑]ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอจงละ ฉันทะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นทุกข์
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงเป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นเป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสเป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะเป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์เป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอจงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอจงละ ราคะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นทุกข์
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละราคะในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละ ฉันทราคะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นทุกข์
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์เป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย
............................................................... .......................................
[๒๖๒]ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใด เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละ ฉันทะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอนัตตา
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็น อนัตตา เธอทั้งหลายจงละ ราคะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอนัตตา
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละราคะในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็น อนัตตา เธอทั้งหลายจงละ ฉันทราคะ ในสิ่งนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอนัตตา
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรูปนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย เสียงเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในเสียงนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย กลิ่นเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในกลิ่นนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย รสเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรสนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย โผฏฐัพพะเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในโผฏฐัพพะนั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย ธรรมารมณ์เป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในธรรมารมณ์นั้นเสีย
ดูกรภิกขุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย
เมื่อพระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ภิกขุเหล่านั้นชื่นชม ยินดีพระภาษิตของ พระผู้มีพระภาค ด้วยประการฉะนี้แล.
|