เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 ผู้เป็นมิจฉาทิฐิ เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แก่เทวดาและมนุษย์ 1262
 

(โดยย่อ)

บุคคลใด เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก แต่เป็นไปเพื่อความฉิบหาย
มิใช่เพื่อประโยชน์เกื้อกูล แก่เทพยดา และมนุษย์ทั้งหลาย
บุคคลนั้น คือ บุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริต
เขาทำให้คนเป็นอันมาก ออกจากสัทธรรม แล้วให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม

บุคคลใด เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูล
เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อประโยชน์สุขแก่ เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย
บุคคลนั้น คือ บุคคลผู้เป็นสัมมาทิฐิ มีความเห็นไม่วิปริต
เขาทำให้คนเป็นอันมาก ออกจากอสัทธรรมแล้ว ให้ตั้งอยู่ในสัทธรรม

ดูก่อนภิกษุ ท.เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งจะมี โทษมาก เหมือนมิจฉาทิฐินี้เลย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนคูถแม้เพียงเล็กน้อย ก็มีกลิ่นเหม็น ฉันใด ภพแม้เพียงเล็กน้อย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เราไม่สรรเสริญโดยที่สุด แม้ชั่วกาล เพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ หน้าที่ ๓๕



         [๑๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียว เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมากเพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดา และมนุษย์ทั้งหลายบุคคลคนเดียว คือใคร คือ บุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฐิ มีความเห็นวิปริต เขาทำให้คนเป็นอันมาก ออกจากสัทธรรมแล้ว ให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม

         [๑๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียว เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อประโยชน์หิตสุขแก่ เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคลคนเดียว คือใคร คือ บุคคลผู้เป็นสัมมาทิฐิ มีความเห็นไม่วิปริต เขาทำให้คนเป็นอันมากออกจากอสัทธรรมแล้ว ให้ตั้งอยู่ใน สัทธรรม

         [๑๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งจะมี โทษมาก เหมือนมิจฉาทิฐินี้เลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษทั้งหลายมี มิจฉาทิฐิเป็น อย่างยิ่ง ฯ

         [๑๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นบุคคลอื่นแม้คนเดียว ที่ปฏิบัติเพื่อ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความฉิบหายมิใช่ ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย เหมือนกับโมฆบุรุษ ชื่อว่ามักขลิ นี้เลย

         ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุคคลพึงทิ้งลอบไปที่ปากอ่าว เพื่อไม่เป็น ประโยชน์ เกื้อกูล เพื่อความทุกข์เพื่อความเสื่อม ความพินาศแก่ปลาเป็นมาก แม้ฉันใด โมฆบุรุษชื่อว่ามักขลิ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแลเป็นดังลอบสำหรับดักมนุษย์ เกิดขึ้นแล้วในโลก เพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ เพื่อความเสื่อม เพื่อความพินาศแก่สัตว์เป็นอันมาก ฯ
-------------------------------------------------------------------------------------------------

         [๑๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัย
ที่กล่าวไว้ชั่ว
ผู้ที่ถูกชักชวน
แล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น
คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบกรรม มิใช่บุญเป็นอันมาก
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว ฯ

         [๑๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ๑ 
ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑
คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบบุญ เป็นอันมาก
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว ฯ
-------------------------------------------------------------------------------------------------

         [๑๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ทายกพึงรู้จักประมาณในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ปฏิคาหก(ผู้รับของถวาย) ไม่จำต้อง รู้จักประมาณ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว ฯ

         [๑๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปฏิคาหกพึงรู้จักประมาณในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ทายก(ผู้ให้ทาน) ไม่จำต้องรู้จัก ประมาณ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว ฯ
-------------------------------------------------------------------------------------------------

         [๑๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ปรารภความเพียรในธรรมวินัย ที่กล่าวไว้ชั่ว ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว ฯ

         [๒๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมอยู่เป็น ทุกข์ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว ฯ

         [๒๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ย่อมอยู่ เป็นสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว ฯ

         [๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ปรารภความเพียรในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อม อยู่เป็นสุข ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ดีแล้ว ฯ
-------------------------------------------------------------------------------------------------

         [๒๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนคูถแม้เพียงเล็กน้อย ก็มีกลิ่นเหม็น ฉันใดภพแม้เพียงเล็กน้อย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เราไม่สรรเสริญโดยที่สุด แม้ชั่วกาล เพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย ฯ

         [๒๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมูตร...  น้ำลาย...  หนอง... เลือด แม้เพียงเล็กน้อย ก็มีกลิ่นเหม็น แม้ฉันใด ภพแม้เพียงเล็กน้อยก็ฉันนั้นเหมือนกันราไม่สรรเสริญโดยที่สุดแม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือเดียวเลย ฯ






พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์