เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 จิตนี้ผุดผ่อง แต่จิตเศร้าหมอง เป็นอุปกิเลสที่จรมา วรรคที่ ๖ 1155
 

จิตผุดผ่อง-จิตเศร้าหมอง
จิตนี้ผุดผ่อง แต่จิตที่เศร้าหมอง เป็นอุปกิเลสที่จรมา
ปุถุชนผู้มิได้สดับ ย่อมจะไม่ทราบจิตนั้นตามความเป็นจริง
เราจึงกล่าวว่า ปุถุชนผู้มิได้สดับ ย่อมไม่มีการอบรมจิต

จิตนี้ผุดผ่อง และจิตนั้นพ้นวิเศษแล้วจากอุปกิเลสที่จรมา
พระอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมทราบจิตนั้นตามความเป็นจริง
เราจึงกล่าวว่า พระอริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมมีการอบรมจิต
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้าภิกษุ ซ่องเสพเมตตาจิต หรือ เจริญเมตตาจิต หรือ ใส่ใจเมตตาจิต
แม้ชั่วเพียงลัดนิ้วมือเดียว เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน
ทำตามคำสอน ของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาต
ของชาวแว่นแคว้นเปล่า จะป่วยกล่าวไปใยถึงผู้กระทำให้มาก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใจเกิดก่อน.. กุศลและอกุศลเกิดทีหลัง
อกุศลธรรม ที่เป็นไปในส่วน อกุศล ที่เป็นไปในฝักฝ่าย อกุศลทั้งหมด
มีใจเป็นหัวหน้า ใจเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น อกุศลธรรม เกิดหลังเทียว

กุศลธรรม ที่เป็นไปในส่วน กุศล ที่เป็นไปใน ฝักฝ่าย กุศลทั้งหมด
มีใจเป็นหัวหน้า ใจเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น กุศลธรรม เกิดหลัง เทียว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความประมาท
เป็นเหตุให้ อกุศลธรรมเกิดขึ้น และ
กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป

ความไม่ประมาท
เป็นเหตุให้ กุศลธรรมเกิดขึ้น และ
อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป

ความเกียจคร้าน
เป็นเหตุให้ อกุศลธรรมเกิดขึ้น และ
กุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน


พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๐ สุตตันตปิฎก หน้าที่ ๑ - ๒๑


จิตนี้ผุดผ่อง แต่จิตเศร้าหมอง เป็นอุปกิเลสที่จรมา
วรรคที่ ๖


             [๕๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง แต่ว่าจิตนั้นแล เศร้าหมองแล้วด้วยอุปกิเลสที่จรมา ปุถุชนผู้มิได้สดับ ย่อมจะไม่ทราบจิตนั้นตามความเป็นจริงฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า ปุถุชนผู้มิได้สดับ ย่อมไม่มีการอบรมจิต ฯ

             [๕๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ผุดผ่อง และจิตนั้นแล พ้นวิเศษแล้วจากอุปกิเลสที่จรมา พระอริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมทราบจิตนั้นตามความเป็นจริง ฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า พระอริยสาวกผู้ได้สดับ ย่อมมีการอบรมจิต ฯ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

             [๕๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุ ซ่องเสพเมตตาจิต แม้ชั่วกาลเพียง ลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอน ของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาต ของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะกล่าวไย ถึงผู้ทำเมตตาจิตนั้นให้มากเล่า ฯ

             [๕๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุ เจริญเมตตาจิต แม้ชั่วกาลเพียง ลัดนิ้วมือเดียวเท่านั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอน ของพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะกล่าวไย ถึงผู้ทำเมตตาจิตนั้นให้มากเล่า ฯ

             [๕๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุ ใส่ใจเมตตาจิต แม้ชั่วกาลเพียงลัดนิ้วมือ เดียวเท่านั้น ภิกษุนี้เรากล่าวว่า อยู่ไม่เหินห่างจากฌาน ทำตามคำสอน
องพระศาสดา ปฏิบัติตามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของชาวแว่นแคว้นเปล่า ก็จะกล่าวไย ถึงผู้ทำเมตตาจิตนั้นให้มากเล่า ฯ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

             [๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อกุศลธรรม ที่เป็นไปในส่วน อกุศล ที่เป็นไปใน ฝักฝ่าย อกุศลทั้งหมด มีใจเป็นหัวหน้า ใจเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น อกุศลธรรม เกิดหลัง เทียว ฯ

             [๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุศลธรรม ที่เป็นไปในส่วน กุศล ที่เป็นไปใน ฝักฝ่าย กุศลทั้งหมด มีใจเป็นหัวหน้า ใจเกิดก่อนธรรมเหล่านั้น กุศลธรรม เกิดหลัง เทียว ฯ
---------------------------------------------------------------------------------------------------

             [๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็น เหตุให้ อกุศลธรรม ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือ กุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไป เหมือนความประมาท ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลประมาทแล้ว อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ฯ

             [๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็น เหตุให้ กุศลธรรม ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือ อกุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไป เหมือน ความไม่ประมาท ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลไม่ประมาทแล้ว กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ฯ

             [๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้ อกุศลธรรม ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือ กุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไป เหมือนความเป็นผู้เกียจคร้าน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเกียจคร้านแล้ว อกุศลธรรม ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ฯ

จบวรรคที่ ๖








พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์