เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่ พุทธวจน คำสอนของพระศาสดา คำสอนตถาคต รวมพระสูตรสำคัญ อนาคามี เว็บไซต์เผยแพร่คำสอนของพระพุทธเจ้า
 
ค้นหาคำที่ต้องการ          

 
 พระฉัพพัคคีย์ : ห้ามติเตียน วินัยของตถาคต เป็นอาบัติปาจิตตีย์ 1094
 
  (เนื้อหาโดยย่อ)

พระฉัพพัคคีย์

พระฉัพพัคคีย์ ได้หารือในหมู่สงฆ์(ของตน)ว่า เถระผู้เก่า(เถระมัชฌิมะ) และผู้ใหม่(นวกะ) ที่มา เล่าเรียนในสำนักของพระอุบาลี ถ้าภิกษุเหล่านี้เป็นผู้รู้ในพระวินัย(ของตถาคต) ก็คง ฉุดกระชาก ผลักไสพวกเรา ได้ตามใจชอบ

ถ้าเช่นนั้นพวกเราจงช่วยกันกล่าวตำหนิ(ก่น) พระวินัยของถตถาคตเถอะ  พร้อมกล่าวว่า สิกขาบท เล็กๆ น้อยๆ ช่างเป็นไปเพื่อความรำคาญ เพื่อความลำบาก เพื่อความยุ่งเหยิงเสียนี่กระไร บรรดา ภิกษุ ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียนว่า ไฉน พระฉัพพัคคีย์จึงได้กล่าวตำหนิพระวินัยของตถาคต

พระผู้มีพระภาคทรงสอบพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอช่วยกันก่นวินัย จริงหรือ? พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่าเป็น “โมฆบุรุษ” ไฉนพวกเธอจึงได้พากันก่นวินัยเล่า การกระทำ ของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความ เลื่อมใสยิ่งของ ชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...

เรื่องนี้ทำให้พระองค์บัญญัติเป็นพระวินัย
อนึ่ง ภิกษุใด เมื่อมีใครสวดปาติโมกข์อยู่ กล่าวอย่างนี้ว่าประโยชน์อะไรด้วยสิกขาบท เล็กน้อย เหล่านี้ ที่สวดขึ้นแล้ว ช่างเป็นไปเพื่อความรำคาญเพื่อความลำบาก เพื่อความยุ่งเหยิงนี่กระไร เป็นปาจิตตีย์ เพราะก่นสิกขาบท

อ่านต่อ : สิกขาบท 227 ข้อ (วินัยของพระ)
หมวดที่ ๕ ปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อ ในเรื่องเรื่องมารยาทและโคจร
เป็นความผิดในข้อที่ ๗๒.ห้ามกล่าวติเตียนสิกขาบท(วินัย)


   เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
   การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
   การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
   แสวงหาสัจจะ บำเพ็ญทุกรกิริยา
   ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
   ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
   ปลงสังขาร ปรินิพพาน
   ลำดับขั้นการปรินิพพาน
   เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
   แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 


ฉบับหลวง เล่มที่ ๒ วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๒


เรื่องพระฉัพพัคคีย์

        [๖๘๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัส วินัยกถา ทรงพรรณนาคุณแห่งพระวินัย ตรัสอานิสงส์แห่งการเรียนพระวินัย ทรงยกย่อง โดยเฉพาะท่านอุบาลีเนืองๆ แก่ภิกษุทั้งหลาย โดยอเนกปริยาย

        ภิกษุทั้งหลายพากันกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคตรัสวินัยกถา ทรงพรรณนาคุณ แห่งพระวินัย ตรัสอานิสงส์แห่งการเรียนพระวินัย ทรงยกย่องโดยเฉพาะท่าน พระอุบาลี เนืองๆ โดยอเนกปริยาย อาวุโสทั้งหลาย ดั่งนั้น พวกเราพากันเล่าเรียน พระวินัย ในสำนักท่านพระอุบาลีเถิด ก็ภิกษุเหล่านั้นมากเหล่า เป็นเถระก็มี เป็นมัชฌิมะก็มี เป็นนวกะก็มี ต่างพากันเล่าเรียนพระวินัยในสำนักท่านพระอุบาลี.

        ส่วนพระฉัพพัคคีย์ได้หารือกันว่า อาวุโสทั้งหลาย บัดนี้ ภิกษุเป็นอันมาก ทั้งเถระมัชฌิมะ และนวกะ พากันเล่าเรียนพระวินัยในสำนักท่านพระอุบาลี ถ้าภิกษุเหล่านี้ จักเป็นผู้รู้พระบัญญัติในพระวินัย ท่านจักฉุดกระชากผลักไส พวกเรา ได้ตามใจชอบ อย่ากระนั้นเลย พวกเราจงช่วยกันก่นพระวินัยเถิด เมื่อตกลงดั่งนั้น พระฉัพพัคคีย์จึงเข้าไปหาภิกษุทั้งหลาย กล่าวอย่างนี้ว่า จะประโยชน์อะไรด้วย สิกขาบท เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ที่ยกขึ้นแสดงแล้ว ช่างเป็นไปเพื่อความรำคาญ เพื่อความลำบาก เพื่อความยุ่งเหยิงนี่กระไร.

        บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระฉัพพัคคีย์จึงได้พากันก่นพระวินัยเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.

ทรงสอบถาม

        พระผู้มีพระภาคทรงสอบพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าพวกเธอ ช่วยกัน ก่นวินัย จริงหรือ?

        พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท

        พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอ จึงได้พากันก่นวินัยเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความ เลื่อมใส ของชุมชน ที่ยังไม่เลื่อมใสหรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง ของชุมชน ที่เลื่อมใสแล้ว ...

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ (พระวินัย)

        ๑๒๑. ๒. อนึ่ง ภิกษุใด เมื่อมีใครสวดปาติโมกข์อยู่ กล่าวอย่างนี้ว่าประโยชน์ อะไร ด้วยสิกขาบทเล็กน้อยเหล่านี้ที่สวดขึ้นแล้ว ช่างเป็นไปเพื่อความรำคาญ เพื่อความลำบาก เพื่อความยุ่งเหยิงนี่กระไร เป็นปาจิตตีย์ เพราะก่นสิกขาบท.
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ.

สิกขาบทวิภังค์

        [๖๘๖] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.

        คำว่า เมื่อมีใครสวดปาติโมกข์อยู่ ความว่า เมื่อมีผู้ใดผู้หนึ่งยกปาติโมกข์ ขึ้นแสดงอยู่ก็ดี ให้ผู้อื่นยกขึ้นแสดงอยู่ก็ดี ท่องบ่นอยู่ก็ดี.

        คำว่า กล่าวอย่างนี้ ความว่า ก่นพระวินัยแก่อุปสัมบันว่า ก็จะประโยชน์อะไร ด้วยสิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่ยกขึ้นแสดงแล้ว ช่างเป็นไปเพื่อความรำคาญ เพื่อความลำบาก เพื่อความยุ่งเหยิงนี่กระไร ความรำคาญ ความลำบาก ความยุ่งเหยิง ย่อมมีแก่พวกภิกษุจำพวกที่เล่าเรียนพระวินัยนี้ แต่จำพวกที่ไม่เล่าเรียนหามีไม่

สิกขาบทนี้พวกท่าน อย่ายกขึ้นแสดงดีกว่า
สิกขาบทนี้พวกท่าน ไม่สำเหนียกดีกว่า
สิกขาบทนี้พวกท่าน ไม่เรียนดีกว่า
สิกขาบทนี้พวกท่าน ไม่ทรงจำดีกว่า
พระวินัยจะได้สาบสูญ หรือภิกษุพวกนี้ จะได้ไม่รู้พระบัญญัติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์



 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90  
 
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์
อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
 
   
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน อานา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์