พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก หน้าที่ ๗๑
สังคัยหสูตรที่ ๒
สักแต่ว่า... โดยพิศดาร (นัยที่ ๒) ตรัสแก่มาลุงกยบุตร
ดูก่อนมาลุงกยบุตร
เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร
รูป ที่พึงรู้แจ้งด้วยตาเหล่าใด เธอไม่ได้เห็นแล้ว
ทั้งไม่เคยได้เห็นแล้ว ย่อมไม่ได้เห็นในบัดนี้ด้วย
ความกำหนดว่าเราเห็น มิได้มีแก่เธอด้วย
เธอพึงมีความพอใจ มีความกำหนัด หรือมีความรัก ในรูปเหล่านั้นหรือ
มาลุงกยบุตรกราบทูลว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูก่อนมาลุงกยบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร
เสียง ที่พึงรู้แจ้งด้วยหูเหล่าใด เธอไม่ได้ฟังแล้ว
ทั้งไม่เคยได้ฟังแล้ว ไม่ได้ฟังในบัดนี้ด้วย
ความกำหนดว่าเราได้ฟัง มิได้มีแก่เธอด้วย
เธอพึงมีความพอใจ มีความกำหนัด หรือมีความรัก ในเสียงเหล่านั้นหรือ
มาลุงกยบุตรกราบทูลว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูก่อนมาลุงกยบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร
กลิ่น ที่พึงรู้แจ้งด้วยจมูกเหล่าใด เธอไม่ได้ดมแล้ว
ทั้งไม่เคยได้ดมแล้ว ไม่ได้ดมในบัดนี้ด้วย
ความกำหนดว่าเราได้ดม มิได้มีแก่เธอด้วย
เธอพึงมีความพอใจ มีความกำหนัด หรือมีความรัก ในกลิ่นเหล่านั้นหรือ
มาลุงกยบุตรกราบทูลว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูก่อนมาลุงกยบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร
รส ที่พึงรู้แจ้งด้วยลิ้นเหล่าใด เธอไม่ได้ลิ้มแล้ว
ทั้งไม่เคยได้ลิ้มแล้ว ไม่ได้ลิ้มในบัดนี้ด้วย
ความกำหนดว่าเราได้ลิ้ม มิได้มีแก่เธอด้วย
เธอพึงมีความพอใจ มีความกำหนัด หรือมีความรัก ในรสเหล่านั้นหรือ
มาลุงกยบุตรกราบทูลว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูก่อนมาลุงกยบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร
โผฏฐัพพะ ที่พึงรู้แจ้งด้วยกายเหล่าใด เธอไม่ได้ถูกต้องแล้ว
ทั้งไม่เคยได้ถูกต้องแล้ว ไม่ได้ถูกต้องในบัดนี้ด้วย
ความกำหนดว่าเราได้ถูกต้อง มิได้มีแก่เธอด้วย
เธอพึงมีความพอใจ มีความกำหนัด หรือมีความรัก ในโผฏฐัพพะเหล่านั้นหรือ
มาลุงกยบุตรกราบทูลว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูก่อนมาลุงกยบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นอย่างไร
ธรรมารมณ์ ที่พึงรู้แจ้งด้วยใจเหล่าใด เธอไม่ได้รู้แจ้งแล้ว
ทั้งไม่เคยได้รู้แจ้งแล้ว ไม่ได้รู้แจ้งในบัดนี้ด้วย
ความกำหนดว่าเราได้รู้แจ้ง มิได้มีแก่เธอด้วย
เธอพึงมีความพอใจ มีความกำหนัด หรือมีความรัก ในธรรมารมณ์เหล่านั้นหรือ
มาลุงกยบุตรกราบทูลว่า ไม่มีเลยพระเจ้าข้า
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูก่อนมาลุงกยบุตร
ก็ในธรรมเหล่านั้น คือ
รูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ฟัง
อารมณ์ที่ได้ทราบ (กลิ่นที่ได้ดม รสที่ได้ลิ้ม โผฏฐัพพะที่สัมผัสด้วยกาย)
และธรรมที่จะพึงรู้แจ้ง
ในรูป ที่ได้เห็นแล้ว เธอจะ เป็นเพียงแต่ว่าเห็น
ในเสียง ที่ได้ฟังแล้ว เธอจะ เป็นเพียงแต่ว่าได้ฟัง
ในอารมณ์ ที่ได้ทราบแล้ว เธอจะ เป็นเพียงแต่ว่าได้ทราบ
และในธรรมารมณ์ ที่ได้รู้แจ้งแล้ว เธอจะ เป็นเพียงแต่ว่าได้รู้แจ้ง
ดูก่อนมาลุงกยบุตร
ในธรรมทั้งหลาย คือ รูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ฟัง
อารมณ์ที่ได้ทราบ และธรรมที่จะพึงรู้แจ้ง
ในรูป ที่ได้เห็นแล้ว เธอจะเป็นเพียงแต่ว่าเห็น
ในเสียง ที่ได้ฟังแล้ว เธอจะเป็นเพียงแต่ว่าได้ฟัง
ในอารมณ์ ที่ได้ทราบแล้ว เธอจะเป็นเพียงแต่ว่าได้ทราบ
และในธรรมารมณ์ ที่ได้รู้แจ้งแล้ว เธอจะเป็นเพียงแต่ว่าได้รู้แจ้ง
ในการใดในการนั้น
เธอจะเป็นผู้
ไม่ถูกราคะครอบงำ
ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย
ไม่หลงเพราะโมหะ
เมื่อเธอไม่ถูกราคะครอบงำ
ไม่ถูกโทสะประทุษร้าย ไม่หลงเพราะโมหะ
ในการใดในการนั้น เธอจะไม่พัวพันธ์ ในรูปที่ได้เห็น
ในเสียงที่ได้ฟัง ในอารมณ์ที่ได้ทราบ
และในธรรมารมณ์ที่ได้รู้แจ้งแล้ว
ดูก่อนมาลุงกยบุตร
ในโลกนี้ ไม่มี
ในโลกอื่น ก็ไม่มี
ในระหว่างโลกทั้งสองก็ไม่มี
นี่แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ละ ดังนี้ |