พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ หน้าที่ ๓๔๗-๓๕๐ (P794)
สอุปาทิเสสสูตร
บุคคลที่มีเชื้อเหลือ ๙ จำพวก (สอุปาทิเสสะ)
บุคคลที่มีเชื้อเหลือ เมื่อทำกาละ ย่อมพ้นจาก นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย พ้นจากอบายทุคติ และวินิบาต
๙ จำพวกเป็นไฉน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
(อนาคามี 5 จำพวก)
1. บุคคลจำพวกที่ ๑ (สะเก็ดไฟลอยในอากาศ แล้วดับ)
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น อันตราปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
- เมื่อทำกาละย่อมพ้นจากนรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย (ปรินิพพานในภพนั้น)
2. บุคคลจำพวกที่ ๒ (สะเก็ดไฟตกถึงพิ้น แล้วดับ)
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น อุปหัจจ-ปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
- เมื่อทำกาละย่อมพ้นจากนรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย (ปรินิพพานในภพนั้น)
3. บุคคลบางคนในโลกนี้ (สะเก็ดไฟตกถึงกองหญ้ากองไม้เล็กๆ หมดเชื้อแล้วดับ)
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น อสังขาร-ปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
- เมื่อทำกาละย่อมพ้นจากนรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย (ปรินิพพานในภพนั้น)
4. บุคคลบางคนในโลกนี้ (สะเก็ดไฟตกถึงกองหญ้ากองไม้เขื่องๆ หมดเชื้อแล้วดับ)
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น สสังขาร-ปรินิพพายี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
- เมื่อทำกาละย่อมพ้นจากนรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย (ปรินิพพานในภพนั้น)
5. บุคคลบางคนในโลกนี้ (สะเก็ดไฟตกถึงกองหญ้ากองไม้ใหญ่ สุดชายเขา สุดชายน้ำ หมดเชื้อแล้วดับ)
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น อุทธังโสโต-อกนิฏฐคามี เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป
- เมื่อทำกาละย่อมพ้นจากนรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย (ปรินิพพานในภพนั้น)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
(สกทาคามี)
6.บุคคลบางคนในโลกนี้
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น สกทาคามี เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป และราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง
- จะมาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
โสดาบัน (3 จำพวก)
7.บุคคลบางคนในโลกนี้
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น เอกพีชี เพราะ สังโยชน์ ๓ สิ้นไป
- จะมาสู่ภพมนุษย์นี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ ได้
8. บุคคลบางคนในโลกนี้
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น โกลังโกละ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป
- จะท่องเที่ยวอยู่ ๒-๓ ตระกูลเท่านั้น แล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
9. บุคคลบางคนในโลกนี้
- เป็นผู้ทำให้บริบูรณ์ในศีล พอประมาณในสมาธิ พอประมาณในปัญญา
- บุคคลนั้นเป็น สัตตักขัตตุ-ปรมะ เพราะสังโยชน์ ๓ สิ้นไป
- จะท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์ ๗ ครั้งเป็นอย่างยิ่ง แล้วจะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
- เมื่อทำกาละย่อมพ้น จากนรก พ้นจากกำเนิดเดรัจฉาน พ้นจาก เปรตวิสัย พ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต
สารีบุตร บุคคล ๙ จำพวกนี้แล ที่มีเชื้อเหลือ เมื่อทำกาละ ย่อมพ้นจากนรก พ้นจากกำเนิด เดรัจฉาน พ้นจาก เปรตวิสัย พ้นจากอบาย ทุคติ และวินิบาต.
------------------------------------------------------------------------------
อนาคามี( ๕ จำพวก) อุปมาเหมือนสะเก็ดไฟ
|