อุปาทานขันธ์ อุปาทานขันธ์ 5 ต่างกันหรือไม่
(ถ่ายทอดคำพูดการสาธยายธรรม-วัดนาป่าพง)
ผัสสะ
นัยยะของขันธ์ 5
รูปเกิดจากภูตรูปทั้ง 4 (ดิน น้ำ ไฟ ลม)
เวทนา เกิดจากผัสสะ
สัญญา เกิดจากผัสสะ
สังขาร เกิดจากผัสสะ
วิญญาณ เกิดจากนามรูป
นัยยะของปฏิจจ
เพราะมีผัสสะจึงมีเวทนา
เพราะมีเวทนาจึงมีตัณหา
เพราะมีตัณหาจึงมีอุปทาน
ทั้งสองนัยยะเป็นไปในที่เดียวกันคือ
เพราะมีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น ตัณหาเป็นเครื่องผูก
ซึ่งมีอุปาทานในขันธ์5
อุปาทานในขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันอยู่ของมันโดยธรรมชาติ
ที่เรามาเกิดนี้เพราะเรามีอุปาทานในขันธ์ 5 ที่ประกอบอวิชชาและตัณหา
ตัณหาเป็นเครื่องผูก อวิชชาเป็นเครื่องกั้น จึงต้องมีอุปาทาน คือความยึด ในขันธ์ทั้ง5
จึงต้องมาเกิด เพราะความไม่รู้คืออวิชชา จึงต้องมาเกิดอีก
อุปาทาน กับ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นอย่างเดียวกัน หรือ
อุปาทาน เป็นอย่างอื่นกับ อุปาทานขันธ์ 5
พระศาสดาตรัสว่า
อุปาทาน กับ อุปาทานขันธ์ 5 เป็นอย่างเดียวกัน ก็ไม่ไช่
อุปาทาน เป็นอย่างอื่นกับ อุปาทานขันธ์ 5 ก็ไม่ไช่
แต่ ฉันทะ (ความพอใจ รักในสิ่งนั้นๆ) ราคะ(ความกำหนัดยินดี ติดใจ) คือความกำหนัดยินดีแล้วในอุปาทานขันธ์ เรียกอุปาทาน
ยึดมาแล้วจึงต้องมาเกิด แต่ดันมาใช้ความกำหนัดยินดีในขันธ์ ซ้ำเข้าไปอีก..แล้วจะออกจากทุกข์ได้ไม๊..ซ้ำมันเข้าไปเพราะอะไร
ภิกษุถามต่อว่า ฉันทะ ราคะ ในอุปานทานขันธ์ 5 คืออะไร
ฉันทะ ราคะ คือความกำหนัดยินดีแล้วในอุปาทาน
อุปาทานขันธ์ 5 คือ อุปานทานทั้งหมด ที่เราไปยึดและต้องมาเกิด
เพราะมีอวิชชา เป็นเครื่องกั้นตัณหาเป็นเครื่องผูก
เราไปใช้อุปาทาน คือความกำหนัดยินดี ในอุปาทานขันธ์ 5 ซ้ำไปอีกจึงหลุดออกมาไม่ได้
มารู้กับกับอุปาทาน คือความกำหนัดยินดีในขันธ์ทั้ง 5
บุคคลบางคนในกรณีนี้มีความปราถนา ตั้งความปราถนา มีความอยาก อย่างนี้ว่า
ขอให้รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณของเรานี้ จงเป็นอย่างนี้ๆ ในอนาคต
มีความหวังมีความปราถนาอย่างนี้ๆเนืองๆ นี่คือฉันทะ ราคะ นี่คือความพอใจ
พอใจที่จะพอใจ พอใจที่จะไม่พอใจ นั่นแหละตัณหา นั่นแหละอุปาทาน มีมาแล้วยึดซ้ำเข้าไปอีก
ถ้าภิกขุ คลายฉันทะราคะในขันธ์ทั้ง5ได้ จะหลุดพ้นได้ นี่เป็นนัยะของความทุกข์ ที่เกิดในขันธ์ทั้ง 5 ทั้งหมดที่สรุปว่า อุปาทานขันธ์ 5 นั่นแหละเป็นตัวทุกข์
เหตุให้เกิดทุกข์คืออะไร...สมุทัยคืออะไร...
เพราะมี อวิชชาเป็นปัจจัยจึงมีสังขาร
เพราะมี สังขาร จึงมีวิญญาณ
เพราะมี วิญญาณ จึงมีนามรูป
เพราะมี นามรูป จึงมีสฬายตนะ
เพราะมี สฬายตนะ จึงมีผัสสะ
เพราะมี ผัสสะ จึงมีเวทนา
เพราะมี ตัณหา จึงมีอุปาทาน
เพราะมี อุปาทาน จึงมีภพ
เพราะมี ภพ จึงมีชาติ
เพราะมี ชาติ จึงมีชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุขะโทมนัส
อุปายาสะทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วน
การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จึงมีอย่างนี้
เหตุให้เกิดทุกข์เพราะ..อวิชชา
หลุดออกจากอวิชชาได้ อะไรเกิดขึ้น..วิชชาเกิดขึ้น
นี้คือสายปฏิจจทั้งหมด เป็นเหตุให้เกิดทุกข์
นี้คือทางไม่เหลือให้ดับแห่งอวิชชา |