เจตนาสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก หน้า ๗๑
ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ (อารมณ์คือเชื้อแห่งการเกิด)
(กรณี 1)
ภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าบุคคลย่อมคิดถึงสิ่งใดอยู่
ย่อมดำริถึงสิ่งใดอยู่ (ไตร่ตรอง)
และย่อมมีจิตฝังลงไปในสิ่งใดอยู่
สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
เมื่ออารมณ์มีอยู่ ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณย่อมมี
เมื่อวิญญาณนั้นตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว
ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป ย่อมมี
เมื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป มีอยู่
ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลายจึงเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
(กรณี 2)
ภิกษุทั้งหลาย !
ถ้าบุคคลย่อม ไม่คิด ถึงสิ่งใดอยู่
ย่อม ไม่ดำริ ถึงสิ่งใดอยู่
แต่เขายังมีจิตฝังลงไปในสิ่งใดอยู่
สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ
เมื่ออารมณ์มีอยู่ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมมี
เมื่อวิญญาณนั้นตั้งขึ้นเฉพาะเจริญงอกงามแล้ว
ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป ย่อมมี
เมี่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป มีอยู่
ชาติ ชรา มรณะโสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้
(กรณี 1 และ 2 เหมือนกัน แม้จะไม่คิด ไม่ดำริ แต่มีจิตฝังลง กองทุกข์ย่อมเกิด)
(กรณี 3)
ภิกษุทั้งหลาย !
ก็ถ้าบุคคลย่อม ไม่คิด ถึงสิ่งใดด้วย
ย่อม ไม่ดำริ ถึงสิ่งใดด้วย
และย่อม ไม่มีจิตฝังลง ไปในสิ่งใดด้วย
ในกาลใด ในกาลนั้น สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณได้เลย
เมื่ออารมณ์ไม่มี ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณย่อมไม่มี
เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งขึ้นเฉพาะไม่เจริญงอกงามแล้ว
ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไปย่อมไม่มี
เมื่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป ไม่มี
ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลายจึงดับสิ้น
ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้ แล
(กรณี 3 เป็นการเดินมรรคที่ถูกต้อง
ไม่คิด ไม่ดำริ ไม่มีจิตฝังลง กองทุกข์ยอมดับ)
|