กุศลกรรมบถ ๑๐ ความสะอาด ทางกาย วาจา ใจ
1. ทางกาย (๓) ...ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดในกาม
2. ทางวาจา (๔) ..ไม่พูดเท็จ ส่อเสียด หยาบคาย เพ้อเจ้อ
3. ทางใจ (๓) ..ไม่โลภ ไม่คิดพยาบาท เห็นชอบตามคลองธรรม |
กุศลกรรมบถ 10
แบ่งออกเป็น 3 หมวด ดังนี้
กายกรรม 3 ประการ (ความสะอาดทางกาย)
1. ไม่ฆ่าหรือทำลายชีวิตผู้อื่น
2. ไม่ลักขโมย ไม่เอาทรัพย์ของผู้อื่นมาเป็นของตน
3. ไม่ประพฤติผิดในกาม
วจีกรรม 4 ประการ (ความสะอาดทางวาจา)
4. ไม่พูดเท็จ
5. ไม่พูดส่อเสียด
6. ไม่พูดคำหยาบคาย
7. ไม่พูดเพ้อเจ้อ
มโนกรรม 3 ประการ (ความสะอาดทางใจ)
8. ไม่โลภอยากได้ของคนอื่น
9. ไม่คิดพยาบาทปองร้ายผู้อื่น
10. เห็นชอบตามคลองธรรม
กุศลกรรมบถ
(จุนทสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต )
ดูกรจุนทะ
ความสะอาดทางกายมี ๓ อย่าง
ความสะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง
ความสะอาดทางใจมี ๓ อย่าง
ดูกรจุนทะ ความสะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า
ดูกรจุนทะบุคคลบางคนในโลกนี้
๑) ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางทัณฑะ วางศาตรา มีความละอาย มีความ เอ็นดู มีความกรุณาหวังประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ๑
๒) ละการลักทรัพย์ เว้นขาดจากการลักทรัพย์ ไม่ถือเอาวัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์ เครื่องปลื้มใจแห่งผู้อื่นของบุคคลอื่น ซึ่งอยู่ในบ้าน หรืออยู่ในป่าที่เจ้าของมิได้ให้ ด้วยจิตเป็นขโมย ๑
๓) ละการประพฤติผิดในกาม เว้นขาดจากการ ประพฤติผิดในกาม ไม่ถึงความประพฤติล่วง ในสตรีที่มารดารักษา บิดารักษาพี่ชายน้องชายรักษา พี่สาวน้องสาวรักษา ญาติรักษา ธรรมรักษา มีสามี มีอาชญาโดยรอบ โดยที่สุด แม้สตรี ที่บุรุษคล้องแล้วด้วยพวงมาลัย ๑
ดูกรจุนทะ ความสะอาดทางกายมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล ฯ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรจุนทะ ความสะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างไรเล่า
ดูกรจุนทะบุคคลบางคน ในโลกนี้
๑) ละการพูดเท็จ เว้นขาดจากการพูดเท็จ อยู่ในสภา ในบริษัท ในท่ามกลางญาติ ในท่ามกลางเสนา หรือในท่ามกลางราชสกุล ถูกผู้อื่นนำไปเป็นพยานซักถามว่า มาเถิด บุรุษผู้เจริญ ท่านรู้สิ่งใดจงพูดสิ่งนั้น บุรุษนั้นเมื่อไม่รู้ก็บอกว่าไม่รู้ หรือเมื่อรู้ ก็บอกว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็บอกว่าไม่เห็น หรือเมื่อเห็นก็บอกว่าเห็น ไม่เป็นผู้กล่าวเท็จทั้งรู้ เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งผู้อื่นบ้าง หรือเพราะเหตุเห็นแก่อามิสเล็กน้อย ๑
๒) ละคำส่อเสียด เว้นขาดจากคำส่อเสียด ฟังข้าง นี้แล้วไปบอกข้างโน้น เพื่อทำลายคนหมู่นี้ หรือฟังจากข้างโน้นแล้วไม่มาบอกข้างนี้เพื่อทำลาย คนหมู่โน้น สมานคนที่แตกร้าวกันแล้วบ้าง ส่งเสริมคนที่พร้อมเพรียงกันแล้วบ้าง ชอบคนผู้พร้อม เพรียงกัน ยินดีคนผู้พร้อมเพรียงกันเพลิดเพลินในคนผู้พร้อมเพรียงกัน กล่าววาจาที่ทำให้คนพร้อมเพรียงกัน ๑
๓) ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เพราะหู ชวนให้รักจับใจ เป็นของชาวเมือง คนส่วนมากรักใคร่ พอใจ ๑
๔) ละคำเพ้อเจ้อ เว้นขาดจาก คำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล พูดแต่คำที่เป็นจริง พูดอิงอรรถ พูดอิงธรรม พูดอิงวินัยพูดแต่คำ มีหลักฐาน มีที่อ้างอิง มีที่กำหนด ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันควร ๑
ดูกรจุนทะ ความสะอาดทางวาจามี ๔ อย่าง อย่างนี้แล ฯ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดูกรจุนทะ ความสะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างไรเล่า
ดูกรจุนทะบุคคลบางคนในโลกนี้
๑) ไม่อยากได้ของผู้อื่น คือ ไม่อยากได้วัตถุเป็นอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่อง ปลื้มใจ แห่งผู้อื่น ของบุคคลอื่นว่า ไฉนหนอ วัตถุที่เป็นเครื่องอุปกรณ์แก่ทรัพย์เครื่องปลื้ม แห่งผู้อื่นของ บุคคลอื่นพึงเป็นของเรา ดังนี้ ๑
๒) ไม่มีจิตปองร้าย คือ ไม่มีความดำริในใจอันชั่วร้ายว่า สัตว์ เหล่านี้จงเป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีความมุ่งร้ายกัน ไม่มีทุกข์ มีสุข รักษาตนเถิดดังนี้ ๑
๓) มีความเห็นชอบ คือ มีความเห็นไม่วิปริตว่า ทานที่บุคคลให้แล้วมีผล การเซ่นสรวงมีผล การบูชา มีผล ผลวิบากของกรรมที่บุคคลทำดีทำชั่วมีอยู่ โลกนี้มีโลกหน้ามี มารดามี บิดามี สัตว์ผู้เป็น อุปปาติกะมี สมณพราหมณ์ผู้ดำเนินไป ชอบ ผู้ปฏิบัติชอบ ผู้ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัด ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้ตาม มีอยู่ ดังนี้ ๑
ดูกรจุนทะ ความสะอาดทางใจมี ๓ อย่าง อย่างนี้แล ฯ
|