อรรถกถา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คัมภีร์อรรถกถาบาลีในปัจจุบัน เป็นผลงานการแปลของพระพุทธโฆสะ
ที่แปลยกจากภาษาสิงหลขึ้นสู่ภาษาบาลี
อรรถกถา (บาลี: อตฺถกถา; อ่านว่า อัดถะกะถา) คือคัมภีร์ที่รวบรวมคำอธิบายความในพระไตรปิฎกภาษาบาลี เรียกว่า คัมภีร์อรรถกถา บ้าง ปกรณ์อรรถกถา บ้าง อรรถกถา จัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนา ที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างแพร่หลาย ในวงการศึกษาพระพุทธศาสนา
คัมภีร์อรรถกถา ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เป็นคัมภีร์ที่อธิบายความ หรือคำ ที่ยากในพระไตรปิฎก ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยยกศัพท์ออกมาอธิบายเป็นศัพท์ ๆ บ้าง ยกข้อความหรือประโยคยาวๆ มาขยายความให้ชัดเจนขึ้นบ้าง แสดงทัศนะ และ วินิจฉัย ของผู้แต่งสอดแทรกเข้าไว้บ้าง
อย่างไรก็ตาม อรรถกถานั้น อาจไม่สามารถเชื่อถือได้ทั้งหมด เนื่องจากมีเนื้อความ บางส่วนในอรรถกถา ที่เป็นเนื้อหาที่ถูกแต่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ถูกระบุไว้ ใน พระไตรปิฏกเช่น
1. การที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมแก่พระมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
2. การที่พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์ทำพระปริตร
3. มีการแต่งบัวเหล่าที่ 4 เพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งในพระไตรปิฎกมีกล่าวไว้แค่ 3 เหล่า
ดังนั้นผู้ที่อ่าน หรือศึกษาคัมภีย์อรรถกถา ควรใช้วิจารณญาณในการศึกษา ว่าส่วนไหน เชื่อถือได้ มีความสมเหตุผล และส่วนไหนไม่ควรเชื่อถือ เป็นสิ่งที่ขัดกับหลักคำสอน ของพระพุทธเจ้า
ลักษณะการอธิบายความในพระไตรปิฎก ของอรรถกถานั้น ไม่ได้นำทุกเรื่องใน พระไตรปิฎก มาอธิบาย แต่นำเฉพาะบางศัพท์ วลี ประโยค หรือบางเรื่องที่ อรรถกถาจารย์ เห็นว่าควรอธิบายเพิ่มเติมเท่านั้น ดังนั้นบางเรื่องในพระไตรปิฎก จึงไม่มีอรรถกถาขยายความ เพราะอรรถกถาจารย์เห็นว่า เนื้อหาในพระไตรปิฎก ส่วนนั้น เข้าใจได้ง่ายนั่นเอง[1]
ความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถาในทางประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของคัมภีร์อรรถกถาในเชิงประวัติศาสตร์ แบ่งได้เป็น 2 อย่าง คือ
1.อรรถกถามีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
2. อรรถกถาเริ่มมีในสมัยสังคายนาครั้งที่ 3 ในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พ.ศ. 236 แต่อย่างไรก็ตามในช่วงหลัง คัมภีร์อรรถกถาภาษาบาลีดั้งเดิม ได้สูญหายจาก ประเทศ อินเดียไป เหลือเพียงคัมภีร์อรรถกถาภาษาสิงหล ซึ่งพระมหินทเถระได้นำ อรรถกถา ในภาษาบาลีมาเผยแพร่ในเกาะลังกา ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (พ.ศ. 236)"
ดังนั้นในปี พ.ศ. 945 พระพุทธโฆสะ พระภิกษุชาวอินเดีย จึงได้รับอาราธนา มาที่ เกาะลังกา เพื่อแปลคัมภีร์อรรถกถา กลับคืนสู่ภาษาบาลี ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาที่มีอยู่ ในปัจจุบัน จึงเป็นผลงานการแปล ของท่านพระพุทธโฆสะ[2]
ทั้งนี้ อรรถกถาภาษาสิงหลโบราณ ที่พระอรรถกถาจารย์รุ่นต่อมา เช่น พระพุทธโฆสะ และ พระธัมมปาละ ได้ทำการเรียบเรียงขึ้นเป็นภาษามคธนั้น ต้นฉบับได้สูญหายไป หมดแล้ว แต่จากข้อมูลที่หลงเหลืออยู่ สามารถจำแนกแยกอรรถกถาโบราณเหล่านี้ ออกเป็น 3 หมวด คือ
อรรถกถาวินัยปิฎก
1.มหาอรรถกถา หรือมูลอรรถกถา เป็นผลงานของพระสงฆ์ คณะมหาวิหารเมือง อนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา แก้ครบทั้ง 3 ปิฎก ซึ่งมหาอรรถกถานี้ นำมาจาก ชมพูทวีป สู่เกาะสิงหล โดยพระมหามหินทเถระ แล้วแปลเรียบเรียงเป็นภาษาสิงหลไว้ โดยพระเถระผู้แตกฉานในพระไตรปิฎกชาวสิงหล เพื่อหลีกเลี่ยงความเลอะเลือนแห่ง คำวินิจฉัย ที่มาจากต่างลัทธิต่างนิกาย และที่มาจากศาสนาอื่นๆ รวมถึงเพื่อความ สะดวก แก่การศึกษาของพระสงฆ์ชาวสิงหล อรรถกถานี้เป็นความเป็นมาแต่ เริ่มที่ พระพุทธโฆสาจารย์ ยึดถือเป็นต้นแบบในการแต่งอภินวอรรถกถา ซึ่งปรากฏ เป็นผลงานของพระโปราณาจารย์ เรียกชื่อ ว่า สมันตปาสาทิกา และมหาปัจจรี เป็นต้น[3]
2.มหาปัจจรีอรรถกถา คือ อรรถกถาแพใหญ่ แต่งขณะที่นั่งบนแพ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
3.
กุรุนทีอรรถกถา แต่งที่กุรุนทีมหาวิหารในศรีลังกา ไม่ปรากฏชื่อ ผู้แต่ง
4.
อันธกัฏฐกถา แต่งเป็นภาษาอันธกะ แล้วสืบต่อกันมาขยายไปยังเมืองกัฏฐิปุระ หรือเมืองคอนเจวารามในอินเดียภาคใต้ ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
5.
สังเขปัฏฐกถา คือ อรรถกถาย่อ สันนิษฐานว่าน่าจะแต่งในอินเดียภาคใต้ ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
6.
วินัยอัฏฐกถา ไม่ปรากฏสถานที่แต่ง และชื่อผู้แต่ง [4]
อรรถกถาสุตตันตปิฎก
1.มหาอรรถกถา หรือ มูลอรรถกถา
2.สุตตันตอรรถกถา หรือ อรรถกถาพระสูตร
3.อาคมัฏฐกกถา อรรถกถานิกาย 4
4.ทีมัฏฐกถา อรรถกถาทีฆนิกาย
5.มัชฌิมัฏฐกถา คืออรรถกถามัชฌิมนิกาย
6.สังยุตตัฏฐกถา คืออรรถกถาสังยุตตนิกาย
7.อังคุตตรัฏฐกถา คืออรรถกถาอังคุตตรนิกาย [4]
อรรถกถาอภิธรรมปิฎก
1. มหาอรรถกถา หรือมูลอรรถกถา
2. อภิธัมมัฏฐกถา คืออรรถกถาอภิธรรม [4]
นอกจากนี้ ยังมีอรรถกถาอื่นๆ อีก คือ
1. จูฬปัจจรีย์อรรถกถา คือ สังเขปอรรถกถานั่นเอง
2. อริยอรรถกถา คือ อรรถกถาภาษาอริยะ ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง
3.
ปันนวาร (อรรถกถา) คือ อรรกถาที่ประมวลข้อวินิจฉัยจากมูลอรรถกถา หรือ มหาอรรถกถา
อรรถกถาเหล่านี้เรียกว่า โปราณอรรถกถา หรือ อรรถกถาเก่า ซึ่งพระ สังคีติกาจารย์ ได้ยกขึ้นสู่สังคายนาถึง 3 ครั้งและนำเผยแพร่ยังเกาะสิงหล โดย พระมหามหินทเถระ ชาวชมพูทวีป ภายหลังสังคายนาครั้งที่ 3 แล้วได้รับการแปล เรียบเรียง เป็นภาษา สิงหล เพื่อหลีกเลี่ยงความเลอะเลือนแห่งคำวินิจฉัย ที่มาจาก ต่างลัทธิต่างนิกาย และที่มาจากศาสนาอื่นๆ [3]
คัมภีร์อรรถกถาพระไตรปิฎก (บางส่วน)
อรรถกถาที่พระพุทธโฆสะ พระพุทธทัตตะ พระธรรมปาละ พระอุปเสน และ พระมหานามะ เป็นต้น แต่งและแปลเรียบเรียงจากมูลอรรถกถา หรือมหาอรรถกถา ภาษาสิงหล เรียกว่า อภินวอรรถกถา หรือ อรรถกถาใหม่ ซึ่งอรรถกถาของยุค อภินวอรรถกถา เริ่มจาก คัมภีร์วิสุทธิมรรค เป็นต้น มาจัดว่าเป็นยุคที่วงการศึกษา คัมภีร์ ทางพระพุทธศาสนา แสดงมติว่าเป็น“ยุคทองของอรรถกถา” เพราะมีอรรถกถา เกิดขึ้น มากมาย โดยเนื้อหาของอรรถกถาเหล่านั้น มีความสัมพันธ์กันในลักษณะ อธิบายความ ที่สื่อต่อกัน เป็นลำดับตามกระแสความ ซึ่งมีทั้งอรรถกถาพระวินัยปิฎก อรรถกถา พระสุตตันตปิฎก และอรรถกถา พระอภิธรรมปิฎก [3]
ต่อไปนี้คัมภีร์อรรถกถาอธิบายความในพระไตรปิฎก 45 เล่ม มีทั้งหมด 23 คัมภีร์ โดยอาจมีชื่อคัมภีร์ซ้ำกันบ้าง
คัมภีร์อรรถกถาพระวินัยปิฎก
1. มหาวิภังค์ ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
2. มหาวิภังค์ ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
3. ภิกขุนีวิภังค์ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
4. มหาวรรค ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
5. มหาวรรค ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
6. จุลวรรค ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
7. จุลวรรค ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
8. ปริวาร มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สมันตปาสาทิกา
นอกจากนี้ ยังมีคัมภีร์กังขาวิตรณี อรรถกถาพระปาติโมกข์
คัมภีร์อรรถกถาพระสุตตันตปิฎก
1. ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สุมังคลวิลาสินี
2. ทีฆนิกาย มหาวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สุมังคลวิลาสินี
3. ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สุมังคลวิลาสินี
4. มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปปัญจสูทนี
5. มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปปัญจสูทนี
6. มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปปัญจสูทนี
7. สังยุตตนิกาย สคาถวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สารัตถปกาสินี
8. สังยุตตนิกาย นิทานวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สารัตถปกาสินี
9. สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สารัตถปกาสินี
10. สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สารัตถปกาสินี
11. สังยุตตนิกาย มหาวรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สารัตถปกาสินี
12. อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ มโนรถปูรณี
13. อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ มโนรถปูรณี
14. อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ มโนรถปูรณี
15. อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ มโนรถปูรณี
16. อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ มโนรถปูรณี
17. ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปรมัตถโชติกา
18. ขุททกนิกาย ธรรมบท มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ธัมมปทัฏฐกถา
19. ขุททกนิกาย อุทาน-อิติวุตตกะ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปรมัตถทีปนี
20. ขุททกนิกาย สุตตนิบาต มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปรมัตถโชติกา
21. ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ-เปตวัตถุ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปรมัตถทีปนี
22. ขุททกนิกาย เถรคาถา-เถรีคาถา มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปรมัตถทีปนี
23. ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ชาตกัฏฐกถา
24. ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ชาตกัฏฐกถา
25. ขุททกนิกาย มหานิทเทส มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สัทธัมมปัชโชติกา
26. ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สัทธัมมปัชโชติกา
27. ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สัทธัมมปกาสินี
28. ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ วิสุทธชนวิลาสินี
29. ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ วิสุทธชนวิลาสินี
30. ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ มธุรัตถวิลาสินี
31. ขุททกนิกาย จริยาปิฎก มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปรมัตถทีปนี
นอกจากนี้ ยังมีคัมภีร์สารัตถสมุจจัย อรรถกถาภาณวาร อธิบายเนื้อหาของพระสูตร และปาฐะต่างๆ จากพระสูตรและข้อควาจากพระวินัยหลากหลายที่มา ที่ปรากฏใน ภาณวาร หรือหนังสือสวดมนต์หลวง
คัมภีร์อรรถกถาพระอภิธรรมปิฎก
1. ธัมมสังคณี มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ อัฏฐสาลินี
2. วิภังค์ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ สัมโมหวิโนทนี
3. ธาตุกถา มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ธาตุกถาปกรณ์อรรถกถา
หรือปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
4. ปุคคลบัญญัติ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปุคคลบัญญัติปกรณ์อรรถกถา หรือปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
5. กถาวัตถุ มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ กถาวัตถุอรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
6. ยมก ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ยมกปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
7. ยมก ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ยมกปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
8. ปัฏฐาน ภาค 1 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปัฏฐานปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
9. ปัฏฐาน ภาค 2 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปัฏฐานปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
10. ปัฏฐาน ภาค 3 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปัฏฐานปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
11. ปัฏฐาน ภาค 4 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปัฏฐานปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
12. ปัฏฐาน ภาค 5 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปัฏฐานปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
13. ปัฏฐาน ภาค 6 มีคัมภีร์อรรถกถาชื่อ ปัฏฐานปกรณ์อรรถกถา หรือ ปรมัตถทีปนี ฉบับ พระพุทธโฆสะ (ปัญจปกรณัฏฐกถา)
|