เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม

     เรื่องทั่วไป ในวงการศาสนา ข่าวในวงการสงฆ์ กฎหมายปกครองสงฆ์
ค้นหาคำที่ต้องการ          

  การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย N151
 


การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย
ที่มา หอมรดกไทย

เรื่องสำคัญของพระพุทธเจ้า
การบำเพ็ญบารมีในอดีตชาติ
การประสูติ แสงสว่าง แผ่นดินไหว
แสวงหาสัจจะบำเพ็ญทุกรกิริยา
ปัญจวัคคีย์หลีก สิ่งที่ตรัสรู้
ตรัสรู้ แสดงเทศนาปัญจวัคคีย์
ปลงสังขาร ปรินิพพาน
ลำดับขั้นการปรินิพพาน
เทวดาแสดงฤทธิ์ขณะถวายเพลิง
แบ่งพระสรีระออกเป็น ๘ ส่วน
 

 

การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ไทย

พระไตรปิฎกบาลี ฉบับสยามรัฐ
พระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนา ฝ่ายเถรวาท


           ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ มาแต่โบราณกาล ปวงชนชาวไทย มากกว่าร้อยละ ๙๕ นับถือพระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ทรงเป็นพุทธมามกะ ตามโบราณราชประเพณี พระพุทธศาสนา เป็นรากฐานชีวิตจิตใจ และเป็นแกนของวัฒนธรรมไทยทุกสาขา

ชายไทยทุกคนมีประเพณีว่า ควรได้บวชเรียนก่อนมีครอบครัว การบวชเรียนมี ความหมาย อยู่ในตัวเอง แล้วว่า เป็นการเข้าถือเพศเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนา และ ศึกษาพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก อันประกอบด้วย พระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม ซึ่งเรียกว่าศึกษาพระปริยัติธรรม

เราจะพบอยู่เสมอว่า ผู้ที่มีความรู้ในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี จะได้รับการยกย่อง เคารพนับถือ จากมหาชนทั่วไป ว่า เป็นผู้แตกฉานในพระไตรปิฎก ซึ่งไม่จำเป็น ว่าเป็นพระภิกษุเท่านั้น แม้แต่สามเณร ก็มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยที่ได้รับเกียรติอันนี้ มาแต่โบราณกาล  ดังเช่น สามเณรแก้ว ในเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นต้น

บรรพชิต หรือ ภิกษุในพระพุทธศาสนา มีภาระหน้าที่ที่จะต้องศึกษาพระไตรปิฎก เพื่อให้มี ความรู้ ความเข้าใจ ในการประพฤติปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ สมประโยชน์ ที่เป็นหนึ่งในพุทธบริษัทสี่ อันประกอบด้วย ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นบรรพชิต ไม่มีกิจอื่น เหมือน ชาวบ้าน

ดังนั้น กิจของ บรรพชิต ซึ่งต้องอุทิศตนให้แก่พระศาสนาอย่างถูกต้อง ตรงทาง โดยเต็มความสามารถ เพื่อมุ่งสู่จุดมุ่งหมายปลายทางของพระพุทธศาสนา คือ ความสิ้นสุดแห่งทุกข์ และเพื่อให้ มีความรู้ความสามารถ ในระดับที่มีคุณภาพพอ ที่จะสั่งสอนผู้อื่น ให้มีความรู้ ความเข้าใจ ในหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ ก็จะต้องกระทำเพื่อธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ให้มั่นคงสถาพรยิ่ง ๆ ขึ้นไป อันจะ
เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่มวลมนุษยชาติ

การศึกษาพระปริยัติธรรมที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คันถธุระ เป็นหน้าที่ของ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ จะต้องสั่งสอนแก่ สัทธิวิหาริก และอันเตวาสิก ของตน พระมหากษัตริย์ ผู้เป็นประมุข ของชาติ ทรงอุปถัมภ์การศึกษาของคณะสงฆ์ โดยจัดให้ มีการสอบไล่ความรู้ ทางพระปริยัติธรรม ของพระภิกษุ และสามเณร ยกย่องผู้มีความรู้ ความสามารถ ให้ปรากฏด้วยการพระราชทานวิทยฐานะ สมณศักดิ์ ตลอดจนจตุปัจจัย เพื่อให้พระภิกษุ สามเณร ผู้มีความรู้ ความสามารถ ตามเกณฑ์ ที่กำหนด ได้ดำรงคงอยู่ในพระพุทธศาสนา ด้วยดี เพื่อสืบพระศาสนาต่อไป อย่าง ถูกต้อง และมีคุณภาพตามพระธรรมวินัย

การศึกษาพระปริยัติธรรมในครั้งพุทธกาล
สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงวางระบบศึกษาไว้เป็นสามขั้นตอน ด้วยกันคือ ขั้นปริยัติ ขั้นปฏิบัติ และขั้นปฏิเวธ

ขั้นปริยัติ เป็นการศึกษาพระธรรมวินัย ให้มีความรู้ในพระธรรม คำสั่งสอน ของ พระพุทธเจ้า รวมทั้งพระวินัย คือข้อบัญญัติต่าง ๆ ที่จะต้องประพฤติ ให้มีความรู้ ความเข้าใจ อย่างถูกต้องถ่องแท้ เพื่อจะได้นำมาประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ตรงทาง และยังสามารถแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ให้มีความรู้ความเข้าใจ ในพระพุทธศาสนา ที่ถูกต้อง

ขั้นปฏิบัติ เป็นการนำเอาพระธรรมวินัย ที่ได้ศึกษามาจนรอบรู้ และเข้าใจถ่องแท้ ดีแล้ว มาประพฤติปฏิบัติด้วยกาย วาจา และใจ  ในสองข้อแรก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไป ในกรอบ ของพระวินัย คือศีลนั่นเอง  ส่วนข้อที่สามเป็นการเจริญภาวนา อันได้แก่ การฝึกสัมมาสมาธิ ซึ่งเป็นสมาธิในพระพุทธศาสนา มิใช่สมาธิโดยทั่วไป รายละเอียดในการนำไปสู่สัมมาสมาธิ มีอยู่พร้อมมูล และชัดเจนแล้วในพระไตรปิฎก เมื่อได้สัมมาสมาธิในระดับที่จะนำไปใช้ ปฏิบัติวิปัสนาได้ ก็น้อมนำไปสู่การทำ วิปัสนา อันเป็นอุบายให้เกิดปัญญา ที่ได้รู้เห็น ความเป็นไปต่าง ๆ ของโลกตาม ความเป็นจริง

ขั้นปฏิเวธ  เป็นขั้นที่แสดงผลของการประพฤติปฏิบัติ ตามพระธรรมวินัยในระดับ ต่าง ๆ ในเรื่องต่าง ๆ ตามลำดับ จนถึงขั้นทำที่สุดแห่งทุกข์ อันเป็นจุดหมายสูงสุด ในพระพุทธศาสนา

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรมเทศนา แก่พระสงฆ์สาวก เป็นประจำทุกวัน นอกจากนั้น พุทธกิจประจำวัน อีกประการหนึ่งคือ ทรงสอดส่อง ดูเวไนยสัตว์ ที่พระองค์ ควรไป แสดงธรรม เพื่อให้ผู้นั้นได้สำเร็จมรรคผล ตามควร แก่อุปนิสัย ของเวไนยสัตว์นั้น ๆ นอกจากพระภิกษุสงฆ์แล้ว บรรดา พุทธศาสนิกชน ก็พากันไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์ โดยตรงในตอนเย็น เป็นประจำ ทุกวัน พระภิกษุรูปใด หรือหมู่คณะใด ฟังพระธรรมเทศนา จากพระพุทธเจ้า ซึ่งบางครั้ง ทรงแสดงแต่โดยย่อ ทำให้ยังเข้าใจไม่แจ่มแจ้ง ก็พากันไปไต่ถาม พระเถระ ผู้ทรงคุณวุฒิ ให้อธิบายโดยพิศดารให้ฟัง

พระเถระดังกล่าว มีพระสารีบุตร พระมหากัจจานะ และพระมหากัสสปะ เป็นต้น แล้วทรงจำไว้ เมื่อมีโอกาส ก็กราบทูล ถามพระพุทธเจ้าว่า  พระธรรมเทศนาเรื่องนั้น ๆ พระมหาเถระองค์นั้น ๆ ได้อธิบาย โดยพิศดารเป็นอย่างนั้น ๆ พระพุทธองค์ก็ทรง รับรองว่าคำอธิบายนั้นถูกต้อง แม้พระองค์ จะอธิบาย ก็จะอธิบายอย่างนั้น การศึกษา คำสอนของพระพุทธเจ้านี้ เรียกว่า การศึกษา พระปริยัติธรรม

คำสอนของพระพุทธเจ้ามีองค์ ๙ ประการ เรียกว่านวังคสัตถุศาสน์  ได้แก่ สุตตะ  เคยยะ  เวยยากรณ  คาถา  อุทาน  อิติวุตตกะ  ชาดก  อัพภูตธรรม  และเวทัลละ การศึกษา พระปริยัติธรรม ก็เพื่อรักษาพุทธวจนะ ให้ดำรงอยู่ พระพุทธเจ้าใช้ ภาษามคธ หรือเรียกกัน โดยทั่วไปว่า ภาษาบาลี ในการแสดงพระธรรมเทศนา เนื่องจากเป็นภาษาที่คนทั่วไป ในมัชฌิมประเทศ ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย ดังนั้น แม้ว่าจะมีการแปลพระธรรมวินัย ออกเป็น ภาษาต่าง ๆ ในระยะต่อมา แต่ต้องไม่ทิ้ง พุทธวจนะเดิม ที่เป็นภาษาบาลี เพื่อจะได้ไว้ เป็นหลักฐาน ในการตรวจสอบ ความหมายที่แท้จริง ป้องกันความวิปลาสคลาดเคลื่อน จากการแปลความหมาย ไปสู่ภาษาต่าง ๆ

การศึกษาพระปริยัติธรรมหลังพุทธกาล

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว  บรรดาพระสงฆ์ก็ใช้วิธีท่องจำ พระธรรมวินัย ด้วยปาก เรียกว่า มุขปาฐะ ต่อ ๆ กันมา โดยการท่องจำเป็นคณะ เป็นการแบ่งกันทรงจำ  ผู้ที่ชำนาญทางพระวินัยก็ศึกษาพระวินัย เรียกว่า พระวินัยธร ผู้ชำนาญทางพระสูตร ก็ศึกษาพระสุตคันตปิฎก เรียกว่า พระสุตตันติกะ ผู้ที่ชำนาญ ทางพระอภิธรรม ก็ศึกษาพระอภิธรรม เรียกว่า พระอภิธัมมิกะ

ทั้งหมดใช้ภาษาบาลีทั้งสิ้น ท่านเหล่านั้นต้องมีความรู้ในภาษาบาลีเป็นอย่างดี

ต่อมาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ที่อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๓  ได้ทรงจัดให้มีการ สังคายนา พระธรรมวินัย ครั้งที่ ๓  เมื่อทำเสร็จแล้วได้ส่งพระสงฆ์ที่เป็นพระอรหันต์ ไปเผยแพร่ พระพุทธศาสนาในแว่นแค้วนต่าง ๆ รวม  ๙ คณะ  คณะของพระโสณะ และ พระอุตตระ ได้มายังสุวรรณภูมิ อันได้แก่ พื้นที่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีประเทศไทย ปัจจุบัน เป็นศูนย์กลาง โดยมีนครปฐม เป็นราชธานี เมื่อประมาณปี พ.ศ.๓๐๓

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่ประเทศไทย


ในยุคแรก เมื่อปี พ.ศ.๓๐๓  ดังกล่าวแล้ว เป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ฝ่าย เถรวาท

ยุคที่สอง  เมื่อปี พ.ศ.๗๖๐  พุทธศาสนาฝ่ายมหายาน จากแคว้นกัสมิระ ได้เผยแพร่ มาทางดินแดนทางใต้ของสุวรรณภูมิคือ เกาะสุมาตรา ชวา และกัมพูชา ล่วงมาถึง ประมาณปี พ.ศ.๑๓๐๐ ก็ได้แพร่ขยายขึ้นมาถึงปัตตานี สุราษฎร์ธานี ที่ไชยา

ยุคที่สาม  เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๖๐๐  พุทธศาสนาแบบพุกาม ได้แพร่เข้ามาถึง อาณาจักรลานนา และอาณาจักรทวาราวดี

ยุคที่สี่ 
เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๙๐๐  พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทได้แผ่จากลังกา เข้ามาทางภาคใต้ของไทย คือที่ นครศรีธรรมราช เรียกว่า ลัทธิลังกาวงศ์

การศึกษาประปริยัติธรรมสมัยสุโขทัย
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ได้ทรงฟื้นฟูพระพุทธศาสนาขึ้นที่กรุงสุโขทัย ได้ทรง อาราธนาพระเถระ ผู้เชี่ยวชาญ และแตกฉานในพระไตรปิฎก ฝ่ายเถรวาท ลัทธิลังกาวงศ์ มาสถิตที่กรุงสุโขทัย ทรงส่งเสริมให้มีการศึกษา พระปริยัติธรรม อย่างกว้างขวาง ได้จัดให้มีการศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม แก่พระสงฆ์ ในพระราชวัง ในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท พระองค์ได้ทรงศึกษาพระปริยัติธรรม จากผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกหลายท่าน ทั้งที่เป็นบรรพชิตและฆราวาสจนแตกฉาน จนสามารถรจนาเตภูมิกถา หรือที่เรียกกันว่า ไตรภูมิพระร่วง  มีชื่อเสียงตราบ จนถึงทุกวันนี้

การศึกษาพระปริยัติธรรมในสมัยอยุธยา

พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ทรงส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ด้วยการ ยกย่องพระสงฆ์ ที่ทรงความรู้ในพระไตรปิฎก ให้มีสมณศักดิ์ ผู้ที่มีความรู้ภาษามคธดี เคยบวชเรียนมาแล้วก็โปรดเกล้า ฯ ให้รับราชการในตำแหน่งราชบัณฑิต มีการบอกหนังสือพระในพระบรมมหาราชวัง

ในสมัยอยุธยา อาณาจักรลานนาซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของไทย มีเชียงใหม่ ลำพูน และ ลำปาง เป็นต้น  ได้มีการสังคายนาพระไตรปิฎกในสมัยพระเจ้าดิลกราช แห่งเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๐๒๐ ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา นับเป็นการสังคายนาครั้งแรก ในประเทศไทย การศึกษา พระไตรปิฎก ในยุคนี้นับว่าสูงส่งมาก มีพระเถระหลายรูปของเชียงใหม่และลำพูน ได้รจนาคัมภีร์พระพุทธศาสนาหลายคัมภีร์ด้วยกัน เช่น พระสิริมังคลาจารย์ ได้รจนามังคลทีปนี พระญาณกิตติ ได้รจนาโยชนาพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม และ สัททาวิเสส

ได้จัดให้มีการสอบไล่พระปริยัติธรรม เป็นทางการ โดยใช้วิธีแปลพระไตรปิฎก ด้วยปากเปล่า ผู้ที่สอบได้ พระมหากษัตริย์ทรงยกย่องให้เป็นบาเรียน และให้มี สมณศักดิ์ เป็นพระมหา นำหน้าชื่อ บาเรียนดังกล่าวมีอยู่หลายขั้นด้วยกันคือ บาเรียน ตรี บาเรียนโท และบาเรียนเอก โดยผู้ที่แปลได้พระสูตรตามที่กำหนดเป็น บาเรียนตรี ผู้ที่แปลได้พระสูตรและพระวินัยเป็น บาเรียนโท ผู้ที่แปลได้ทั้งพระสูตร พระวินัย และ พระปรมัตถ์ เป็นบาเรียนเอก

การศึกษาพระปริยัติธรรมในสมัยนี้ มีการบอกหนังสือ ทั้งในวัด และในวัง สำหรับ การไล่หนังสือ ก็จัดให้มีเป็นครั้งคราว ตามแต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้า ฯ ให้มีการสอบ พระสงฆ์ผู้เล่าเรียนจนมีความรู้ ก็จะเป็นอาจารย์ บอกหนังสือต่อ ๆ กันไป โดยไม่จำเป็นต้องมุ่งเข้าไปสอบ

การศึกษาพระปริยัติธรรมในสมัยกรุงธนบุรี

หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา บ้านเมืองอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด  ผู้คนต่างหนี เอาตัวรอด  เมื่อพระเจ้าตากสิน ฯ ได้รวบรวมกำลังกู้เอกราช ของชาติกลับคืนมา ได้จนเป็นปึกแผ่นแล้ว ในปีเดียวกันนั้นคือปี พ.ศ.๒๓๑๐ ก็ได้ทรงมีพระราชดำริ ที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นปกติสุขเช่นที่เคยเป็นมาก่อน จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้พระศรีภูริปรีชา ให้สืบเสาะหาพระเถระ ผู้รู้อรรถรู้ธรรม ให้มาประชุมกันที่ วัดบางหว้าใหญ่  (วัดระฆังโฆษิตาราม)

พระเจ้าตากสิน ฯ ได้ทรงตั้งพระอาจารย์ดี วัดประดู่กรุงเก่า ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้สูง และมีอายุพรรษา มากด้วย ขึ้นเป็นพระสังฆราช และตั้งพระพระเถระอื่น ๆ ขึ้นเป็น พระราชาคณะ ฐานานุกรม น้อยใหญ่ เหมือนครั้งกรุงศรีอยุธยาให้สถิตอยู่ใน พระอารามต่าง ๆ ในกรุงธนบุรี ให้สั่งสอนคันถธุระและวิปัสสนาธุระ แก่ภิกษุสามเณร โดยทั่วไป

เมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา นอกจากบ้านเมือง ปราสาทราชวัง วัดวาอาราม จะถูกเผาพลาญ โดยสิ้นเชิงแล้ว บรรดาคัมภีร์พระไตรปิฎก ก็พลอยถูกเผา สูญหาย หมดสิ้นไปด้วย พระองค์จึงได้โปรดเกล้า ฯ ให้สืบหารวบรวมคัมภีร์พระไตรปิฎก ที่หลงเหลืออยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงกรุงกัมพูชา แล้วเอามาคัดลอก สร้างเป็น พระไตรปิฎกฉบับหลวงไว้ แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน

ที่มา http://thaiheritage.net/religion/misc/study.htm



 
หนังสือพุทธวจน : ออนไลน์
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์