เว็บไซต์ อนาคามี เผยแพร่คำพระศาสดา เผยแพร่คำสอนตถาคต เว็บไซต์เผยแพร่พระสุตรคำสอนของพระพุทธเจ้า คลิปคำสอน คลิปสาธยายธรรม

     เรื่องทั่วไป ในวงการศาสนา ข่าวในวงการสงฆ์ กฎหมายปกครองสงฆ์
ค้นหาคำที่ต้องการ          

  พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
N136
 


พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕
กระทำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๙
ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๕

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ส. ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๙/ตอนที่ ๑๑๕/ฉบับพิเศษ หน้า ๒๙/๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๕
(ยกเลิก พรบ.2484)

 
 

             พระราชบัญญัติ คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕

                                  ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
                      ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๕
                            เป็นปีที่ ๑๗ ในรัชกาลปัจจุบัน

                 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
                 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยคณะสงฆ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงทรง พระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำ และ ยินยอม ของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑  พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕”

มาตรา ๒[๑]
  พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

มาตรา ๓
  ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ (อ่าน)

มาตรา ๔
  ภายในระยะเวลาหนึ่งปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ บรรดา กฎกระทรวง สังฆาณัติ กติกาสงฆ์ กฎองค์การ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับ และระเบียบเกี่ยวกับคณะสงฆ์ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันประกาศ พระราชบัญญัตินี้ ในราชกิจจานุเบกษา ให้คงใช้บังคับต่อไปเท่าที่ไม่ขัด หรือ แย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้จนกว่าจะมีกฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคม พระบัญชา สมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับ หรือระเบียบของมหาเถรสมาคมยกเลิก หรือมีความ อย่างเดียวกัน หรือขัด หรือแย้งกัน หรือกล่าวไว้เป็นอย่างอื่น

มาตรา ๕
  เพื่อประโยชน์แห่งมาตรา ๔ บรรดาอำนาจหน้าที่ ซึ่งกำหนดไว้ใน สังฆาณัติ กติกาสงฆ์ กฎองค์การ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ข้อบังคับ และ ระเบียบ เกี่ยวกับคณะสงฆ์ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ ของพระภิกษุตำแหน่งใด หรือคณะ กรรมการสงฆ์ใด ซึ่งไม่มีในพระราชบัญญัตินี้ ให้มหาเถรสมาคม มีอำนาจกำหนด โดย กฎมหาเถรสมาคม ให้เป็นอำนาจหน้าที่ ของพระภิกษุตำแหน่งใด รูปใด หรือ หลายรูป ร่วมกันเป็นคณะตามที่เห็นสมควรได้

มาตรา ๖  ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออก กฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้

กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้


หมวด ๑

สมเด็จพระสังฆราช

มาตรา ๗  พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช

มาตรา ๘  สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่ง สกลมหาสังฆปริณายก ทรง บัญชาการ คณะสงฆ์ และทรงตราพระบัญชา สมเด็จพระสังฆราช โดยไม่ขัด หรือ แย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม

มาตรา ๙
  สมเด็จพระสังฆราช ทรงดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม

มาตรา ๑๐
  ในเมื่อไม่มีสมเด็จพระสังฆราช ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยพรรษาปฏิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราช ในเมื่อสมเด็จพระสังฆราช จะไม่ ประทับ อยู่ในราชอาณาจักร หรือไม่อาจทรงปฏิบัติหน้าที่ได้ สมเด็จพระสังฆราช จะได้ทรงแต่งตั้ง ให้สมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ถ้ามิได้ทรง แต่งตั้งไว้ ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยพรรษา ปฏิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราช

ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะ ซึ่งได้รับแต่งตั้ง ให้ปฏิบัติหน้าที่แทน สมเด็จ พระสังฆราช ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้ ให้สมเด็จพระราชาคณะ รูปอื่น ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยพรรษา ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะ ผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยพรรษาไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราชได้ ให้สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโส รองลงมา โดยพรรษา ตามลำดับ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประกาศนามสมเด็จพระราชาคณะ ผู้ปฏิบัติ หน้าที่ สมเด็จพระสังฆราช ตามมาตรานี้ในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๑๑  สมเด็จพระสังฆราชพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) มรณภาพ
(๒) พ้นจากความเป็นพระภิกษุ
(๓) ลาออก
(๔) ทรงพระกรุณาโปรดให้ออก


หมวด ๒
มหาเถรสมาคม

มาตรา ๑๒  มหาเถรสมาคมประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการ โดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป เป็นกรรมการ โดย ตำแหน่ง และพระราชาคณะ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงแต่งตั้งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า สี่รูป และไม่เกินแปดรูปเป็นกรรมการ

มาตรา ๑๓  ให้อธิบดีกรมการศาสน เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม โดยตำแหน่ง และให้กรมการศาสนา ทำหน้าที่สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม

มาตรา ๑๔  กรรมการมหาเถรสมาคม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงแต่งตั้งอยู่ใน ตำแหน่งคราวละสองปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

มาตรา ๑๕  นอกจากการพ้นจากตำแหน่ง ตามวาระตามมาตรา ๑๔ กรรมการมหา เถรสมาคม ซึ่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงแต่งตั้งพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ
(๑) มรณภาพ
(๒) พ้นจากความเป็นพระภิกษุ
(๓) ลาออก
(๔) สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาให้ออก

ในกรณีที่กรรมการมหาเถรสมาคม พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ สมเด็จพระสังฆราช อาจทรงแต่งตั้งพระราชาคณะ รูปใดรูปหนึ่ง เป็นกรรมการแทนกรรมการ ซึ่งได้รับ แต่งตั้งตามความ ในวรรคก่อนอยู่ในตำแหน่ง ตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน

มาตรา ๑๖  ในเมื่อประธานกรรมการ มหาเถรสมาคม ไม่อาจมาประชุม หรือไม่อยู่ ในที่ประชุมมหาเถรสมาคม และมิได้มอบหมายให้ สมเด็จพระราชาคณะ รูปใดรูปหนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน ให้มหาเถรสมาคม แต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะ รูปใดรูปหนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่แทน การประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อการแต่งตั้งนี้ ให้กรรมการซึ่งเป็น สมเด็จพระราชาคณะ ผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยพรรษา เป็นประธานแห่งที่ประชุม

มาตรา ๑๗  การประชุมมหาเถรสมาคม ต้องมีกรรมการ โดยตำแหน่งและกรรมการโดยการแต่งตั้ง รวมกันมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของกรรมการทั้งหมด จึงเป็นองค์ประชุม

ระเบียบการประชุมมหาเถรสมาคม ให้เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม

มาตรา ๑๘
  มหาเถรสมาคม มีอำนาจหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์ ให้เป็นไปโดย เรียบร้อย เพื่อการนี้ให้มีอำนาจตรากฎ มหาเถรสมาคม ออกข้อบังคับ วางระเบียบ หรือออกคำสั่ง โดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย และพระธรรมวินัย ใช้บังคับได้

มาตรา ๑๙  การแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม และการให้กรรมการมหาเถรสมาคม ออกจากตำแหน่ง ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้ลงนามรับสนอง พระบัญชา สมเด็จพระสังฆราช

หมวด ๓
การปกครองคณะสงฆ์

มาตรา ๒๐  การจัดระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม

มาตรา ๒๑  การปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค ให้จัดแบ่งเขตปกครองดังนี้
(๑) ภาค
(๒) จังหวัด
(๓) อำเภอ
(๔) ตำบล

จำนวนและเขตปกครองดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม

มาตรา ๒๒
  การปกครองคณะสงฆ์ส่วนภูมิภาค ให้มีพระภิกษุเป็นผู้ปกครองตามชั้นตามลำดับ ดังต่อไปนี้
(๑) เจ้าคณะภาค
(๒) เจ้าคณะจังหวัด
(๓) เจ้าคณะอำเภอ
(๔) เจ้าคณะตำบล

เมื่อมหาเถรสมาคม เห็นสมควร จะจัดให้มีรองเจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะอำเภอ และรองเจ้าคณะตำบล เป็นผู้ช่วยเจ้าคณะนั้น ๆ ก็ได้

มาตรา ๒๓  การแต่งตั้ง ถอดถอนพระอุปัชฌาย์ เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วย เจ้าอาวาส พระภิกษุอันเกี่ยวกับตำแหน่งปกครอง คณะสงฆ์ตำแหน่งอื่น ๆ และไวยาวัจกร ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎมหาเถรสมาคม

หมวด ๔

นิคหกรรมและการสละสมณเพศ

มาตรา ๒๔  พระภิกษุจะต้องรับนิคหกรรม ก็ต่อเมื่อกระทำการ ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย และนิคหกรรมที่จะลงแก่พระภิกษุ ก็ต้องเป็นนิคหกรรมตามพระธรรมวินัย

มาตรา ๒๕  ภายใต้บังคับมาตรา ๒๔ มหาเถรสมาคม มีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคม กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติ เพื่อให้การลงนิคหกรรม เป็นไปโดยถูกต้อง สะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม และให้ถือว่า เป็นการชอบด้วยกฎหมาย ที่มหาเถรสมาคมจะกำหนด ในกฎมหาเถรสมาคม ให้มหาเถรสมาคม หรือพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์ ตำแหน่งใด เป็นผู้มีอำนาจ ลงนิคหกรรม แก่พระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย กับทั้งการกำหนด ให้การวินิจฉัย การลงนิคหกรรม ให้เป็นอันยุติในชั้นใด ๆ นั้นด้วย

มาตรา ๒๖  พระภิกษุรูปใดล่วงละเมิดพระธรรมวินัย และได้มีคำวินิจฉัยถึงที่สุด ให้ได้รับนิคหกรรมให้สึก ต้องสึกภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้ทราบคำวินิจฉัยนั้น

มาตรา ๒๗  พระภิกษุรูปใดต้องคำวินิจฉัย ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก ไม่ยอมรับ นิคหกรรมนั้น หรือประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ หรือไม่สังกัด อยู่ในวัดใด วัดหนึ่ง กับทั้งไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มหาเถรสมาคม มีอำนาจวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ พระภิกษุรูปนั้น สละสมณเพศเสียได้

พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัย ให้สละสมณเพศ ตามความในวรรคก่อน ต้องสึกภายในเจ็ดวัน นับแต่วันที่ได้ทราบคำวินิจฉัยนั้น

มาตรา ๒๘  พระภิกษุรูปใด ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เป็นบุคคลล้มละลาย ต้องสึก ภายในสามวัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

มาตรา ๒๙  พระภิกษุรูปใดถูกจับ โดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงาน สอบสวน หรือพนักงานอัยการ ไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว และเจ้าอาวาสแห่งวัด ที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัด ไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงาน สอบสวน ไม่เห็นสมควร ให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้น มิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวน มีอำนาจจัดดำเนินการ ให้พระภิกษุรูปนั้น สละสมณเพศเสียได้

มาตรา ๓๐
  เมื่อจะต้องจำคุก กักขังหรือขังพระภิกษุรูปใด ตามคำพิพากษา หรือ คำสั่ง ของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการ ให้เป็นไปตามคำ พิพากษา หรือคำสั่งของศาล มีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้น สละสมณเพศ เสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น

หมวด ๕
วัด

มาตรา ๓๑  วัดมีสองอย่าง
(๑) วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
(๒) สำนักสงฆ์

มาตรา ๓๒
  การสร้าง การตั้ง การรวม การย้าย การยุบเลิกวัด และการขอรับ พระราชทาน วิสุงคามสีมา ให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

ในกรณียุบเลิกวัด ทรัพย์สินของวัด ที่ถูกยุบเลิกให้ตกเป็นศาสนสมบัติกลาง

มาตรา ๓๓  ที่วัดและที่ซึ่งขึ้นต่อวัด มีดังนี้
(๑) ที่วัด คือที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น
(๒) ที่ธรณีสงฆ์ คือที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด
(๓) ที่กัลปนา คือที่ซึ่งมีผู้อุทิศแต่ผลประโยชน์ให้วัดหรือพระศาสนา

มาตรา ๓๔
  ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์ จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ และห้าม มิให้บุคคลใด ยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดในเรื่องทรัพย์สิน อันเป็นที่วัด และที่ธรณีสงฆ์

มาตรา ๓๕
  ที่วัดและที่ธรณีสงฆ์เป็นทรัพย์สิน ซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการ บังคับคดี

มาตรา ๓๖
  วัดหนึ่งให้มีเจ้าอาวาสรูปหนึ่ง และถ้าเป็นการสมควรจะให้มี รอง เจ้าอาวาส หรือผู้ช่วยเจ้าอาวาสด้วยก็ได้

มาตรา ๓๗  เจ้าอาวาสมีหน้าที่ดังนี้
(๑) บำรุงรักษาวัด จัดกิจการ และศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปด้วยดี
(๒) ปกครองและสอดส่องให้บรรพชิต และคฤหัสถ์ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัย อยู่ในวัดนั้น ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ หรือ คำสั่งของ มหาเถรสมาคม
(๓) เป็นธุระในการศึกษาอบรม และสั่งสอนพระธรรมวินัยแก่บรรพชิต และคฤหัสถ์
(๔) ให้ความสะดวกตามสมควร ในการบำเพ็ญกุศล

มาตรา ๓๘  เจ้าอาวาสมีอำนาจดังนี้
(๑) ห้ามบรรพชิต และคฤหัสถ์ ซึ่งมิได้รับอนุญาตของเจ้าอาวาส เข้าไปอยู่อาศัย ในวัด
(๒) สั่งให้บรรพชิต และคฤหัสถ์ ซึ่งไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส ออกไปเสียจากวัด
(๓) สั่งให้บรรพชิต และคฤหัสถ์ ที่มีที่อยู่หรือพำนักอาศัยในวัด ทำงานภายในวัด หรือให้ทำทัณฑ์บน หรือให้ขอขมาโทษ ในเมื่อบรรพชิต หรือคฤหัสถ์ในวัดนั้น ประพฤติผิดคำสั่ง เจ้าอาวาส ซึ่งได้สั่งโดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบหรือคำสั่งของมหาเถรสมาคม

มาตรา ๓๙
  ในกรณีที่ไม่มีเจ้าอาวาสหรือเจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้แต่งตั้ง ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส มีอำนาจ และหน้าที่เช่นเดียว กับเจ้าอาวาส

การแต่งตั้ง ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนด ในกฎมหาเถรสมาคม

หมวด ๖
ศาสนสมบัติ

มาตรา ๔๐  ศาสนสมบัติแบ่งออกเป็นสองประเภท
(๑) ศาสนสมบัติกลาง ได้แก่ทรัพย์สินของพระศาสนา ซึ่งมิใช่ของวัดใดวัดหนึ่ง
(๒) ศาสนสมบัติของวัด ได้แก่ทรัพย์สินของวัดใดวัดหนึ่ง

การดูแลรักษา และจัดการ ศาสนสมบัติกลาง ให้เป็นอำนาจหน้าที่ ของกรมการ ศาสนา เพื่อการนี้ให้ถือว่ากรมการศาสนา เป็นเจ้าของศาสนสมบัติกลางนั้นด้วย

การดูแลรักษา และจัดการศาสนสมบัติของวัด ให้เป็นไปตามวิธีการ ที่กำหนดใน กฎกระทรวง

มาตรา ๔๑  ให้กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำงบประมาณประจำปี ของศาสนสมบัติ กลาง ด้วยความเห็นชอบของ มหาเถรสมาคม และเมื่อได้ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา แล้วให้ใช้งบประมาณนั้นได้


หมวด ๗

บทกำหนดโทษ

มาตรา ๔๒  ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน

มาตรา ๔๓  ผู้ใด

(๑) หมดสิทธิที่จะได้รับบรรพชาอุปสมบท โดยต้องปาราชิกมาแล้ว แต่มารับบรรพชาอุปสมบท โดยปิดบังความจริง
(๒) ต้องปาราชิกแล้วไม่ละการแต่งกายอย่างเพศบรรพชิต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน หกเดือน

มาตรา ๔๔  ผู้ใดใส่ความคณะสงฆ์ไทย อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือความแตกแยก ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน ห้าพันบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ

หมวด ๘
เบ็ดเตล็ด

มาตรา ๔๕  ให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์ และไวยาวัจกร เป็นเจ้าพนักงาน ตามความในประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๔๖  การปกครองคณะสงฆ์อื่น นอกจากคณะสงฆ์ไทย ให้เป็นไปตามกฎกระทรวง

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ส.  ธนะรัชต์
นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่การจัดดำเนิน กิจการคณะสงฆ์ มิใช่เป็นกิจการ อันพึงแบ่งแยกอำนาจ ดำเนินการด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อการถ่วงดุลย์แห่งอำนาจ เช่นที่เป็นอยู่ตามกฎหมายในปัจจุบัน และโดยที่ระบบเช่นว่านั้น เป็นผลบั่นทอนประสิทธิภาพ แห่งการดำเนินกิจการ จึงสมควรแก้ไขปรับปรุงเสียใหม่
ให้สมเด็จพระสังฆราชองค์สกลมหาสังฆปริณายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ ทางมหาเถรสมาคม ตามอำนาจกฎหมาย และพระธรรมวินัย ทั้งนี้ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระพุทธศาสนา

 

ที่มา เว็บไซต์ ราชกิจจา



 
พุทธวจน : อ่านคำสอนพระศาสดา อ่านแบบสบายตา โดยคัดลอกหนังสือทั้งเล่มมาจัดทำเป็นเว็บเพจ (คลิกอ่านพร้อมดาวน์โหลดไฟล์ pdf)
90 90 90 90
พุทธประวัติ ขุมทรัพย์ อริยสัจ
ภาคต้น
อริยสัจ
ภาคปลาย
ปฏิจจ ปฐมธรรม ตถาคต อนาคามี อินทรีย์
สังวร
สัตว์
สัตตานัง
ทาน
สกทาคามี
ฆราวาส
ชั้นเลิศ
มรรควิธี
ที่ง่าย
อริยวินัย เดรัจฉานวิชา กรรม สมถะ
วิปัสสนา
โสดาบัน นา
ปานสติ
จิต มโน
วิญญาณ
ก้าวย่าง
อย่างพุทธะ
ตามรอย
ธรรม
ภพ ภูมิ
พุทธวจน
สาธยาย
ธรรม
สังโยชน์