ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
ไฉน ตร.ขอศาลอนุมัติหมายจับพระผู้ใหญ่คดีเงินทอนวัด
“…พระ หรือเจ้าอาวาสไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐตามกฎหมาย แต่ในเมื่อพนักงาน สอบสวนส่งขออนุมัติหมายจับ ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า เป็นเรื่องการสนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่งในส่วนนี้ ป.ป.ช. มีอำนาจเข้าไปไต่สวนข้อเท็จจริงได้ อย่างไรก็ดีต้องดูเป็นรายกรณีไป...”
แวดวงผ้าเหลืองกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง !
หลังจากเมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 24 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ปฏิบัติการ ‘ลับ ลวง พราง’ บุกจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีเงินทอนวัดฉาว และคดีฟอกเงินทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม ตั้งแต่ปี 2557 รวมกว่า 150 ล้านบาท โดยมีการขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ และทำคำร้องขอฝากขัง คัดค้านการประกันตัว
(ขณะที่ในช่วงไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้นำกำลังบุกควบคุมตัว พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พระพุทธะอิสระเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และอดีตแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ วัฒนะ ผู้ต้องหาคดีอั้งยี่ ซ่องโจร ที่การ์ด กปปส.ร่วมทำร้ายร่างกาย ตำรวจสันติบาล 2 นาย บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งคดีปลอมพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้นด้วย เป็นผลทำให้ พระพุทธะอิสระ ต้องถูกจับสึก และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว)
สำหรับพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีเงินทอนวัดฉาว และคดีฟอกเงินทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม ได้แก่ 1.พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 2.พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ 3.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือ ‘เจ้าคุณเทอด’ ผู้ช่วยเจ้า อาวาสวัดสระเกศ 4.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา (เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะกรุงเทพมหานครด้วย) และ 5.พระอรรถกิจโสภณ เลขานุการเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร วัดสามพระยา
ขณะที่ น.ส.ฆัมม์พร นิพนธ์พิทยา แม่ของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหาร ประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย เจ้าของหจก.ดีดีทวีคูณ ที่ถูกตรวจสอบพบการโอนเงินจำนวน 25 ล้านบาท จากพระชั้นผู้ใหญ่ วัดสระเกศ เข้าบัญชีแม่บ้าน ที่โอนหุ้นให้ถือครองแทน ก็ติดต่อขอเข้ามอบตัวพนักงานสอบสวน ของกองปราบปราม ก่อนถูกออกหมายจับด้วย
อย่างไรก็ดี ยังมีพระผู้ใหญ่อีกรูปหนึ่งที่ตำรวจจับกุมไม่ได้ คือ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่พบว่าหลบหนีไปทางประตูลับ และตำรวจเชื่อว่า ยังหลบหนีอยู่ภายในประเทศ พร้อมสั่งกำชับให้ทุกด่านตรวจคนเข้าเมือง ตรวจตรา อย่างเข้มงวด
สำหรับพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 ราย ถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยังถือว่าเป็นผู้ บริสุทธิ์อยู่ และขณะนี้ถูกฝากขังอยู่ที่ศาลอาญา เนื่องจากศาลไม่อนุญาต ให้ ประกันตัว
ปัจจุบันคดีเหล่านี้อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงของ พศ. ร่วมกับกองบังคับ การป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจ สอบสวนกลาง (ปปป.ตร.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
สำหรับโครงสร้างการไต่สวนข้อเท็จจริงของ 3 หน่วยงาน แบ่งเป็น การสอบสวน ทางวินัย ดำเนินการโดย พศ. การสอบสวนจับกุมขยายผล ดำเนินการโดย ปปป.ตร. และการสอบสวนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดำเนินการโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมาแล้ว 13 สำนวน ในพื้นหลายจังหวัด โดยมี ‘เฮดใหญ่’ ได้แก่ อดีต ผอ.พศ. 2 ราย และอดีตรอง ผอ.พศ. 1 ราย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ใน พศ. อีกจำนวนหนึ่ง
ประเด็นที่น่าสนใจนอกเหนือจากปฏิบัติการบุกจับกุมดังกล่าวคือ ประเด็นเรื่องข้อ กฎหมาย
ทำไมตำรวจถึงขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับ และใช้ขอฝากขัง คัดค้านไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ตามข้อกฎหมาย พระระดับเจ้าอาวาส คือเจ้าพนักงานของรัฐ จะต้องผ่านการไต่สวน และได้รับการประสานร้องขอจาก สำนักงาน ป.ป.ช. ก่อน ?
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้
อ่านต่อ |