พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๑ สุตตันตปิฎก หน้า 34 ปสาทสูตร [๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสในสิ่งเลิศ ๔ ประการนี้ ๔ ประการเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลาย ไม่มีเท้าก็ตาม ๒ เท้าก็ตาม๔ เท้าก็ตาม มีเท้ามาก ก็ตาม มีรูปหรือไม่มีรูปก็ตาม มีสัญญาหรือไม่มีสัญญาก็ตาม มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มี สัญญา ก็ไม่ใช่ก็ตาม มีประมาณเพียงใด พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อัน ชาวโลกกล่าวว่าเลิศกว่าสัตว์เหล่านั้น (1) ชนเหล่าใดเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใส ใน สิ่งเลิศ และวิบากอันเลิศย่อมมีแก่ชนผู้เลื่อมใส ในสิ่งเลิศ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งมีประมาณเท่าใด อริยมรรคอันประกอบ ด้วยองค์ ๘ เรากล่าวว่าเลิศกว่าธรรมเหล่านั้น (2) ชนเหล่าใดเลื่อมใสใน อริยมรรค อันประกอบด้วยองค์ ๘ ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสในสิ่งเลิศ และ วิบากอันเลิศ ย่อมมีแก่ชนผู้เลื่อมใสในสิ่งเลิศ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่งหรือไม่ปรุงแต่งมีประมาณเท่าใด วิราคะคือ ธรรมอันย่ำยีความเมา ธรรมเครื่องกำจัดความกระหาย ความถอนเสียซึ่ง ความอาลัย ความเข้าไปตัดวัฏฏะ ธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา ความคลายกำหนัดความดับ นิพพาน เรากล่าวว่าเลิศกว่าธรรมเหล่านั้น (3) ชนเหล่าใดเลื่อมใสในวิราคะ ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสในสิ่งเลิศ และวิบากอันเลิศย่อมมีแก่ชน ผู้เลื่อมใส ในสิ่งเลิศ ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่ก็ดี คณะก็ดี มีประมาณเท่าใด พระสงฆ์สาวกของตถาคต คือ คู่บุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี้ คือ พระสงฆ์สาวกของ พระผู้มีพระภาค เป็นผู้ควร ของคำนับ เป็นผู้ควรของต้อนรับ เป็นผู้ควรของทำบุญ เป็นผู้ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญ ของโลกไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า เรากล่าวว่าเลิศกว่าหมู่หรือคณะเหล่านั้น (4) ชนเหล่า ใด เลื่อมใสในพระสงฆ์ ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสในสิ่งเลิศ และวิบากอันเลิศ ย่อมมี แก่ชนผู้เลื่อมใสในสิ่งเลิศ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเลื่อมใสในสิ่งเลิศ ๔ ประการนี้แล ฯ บุญที่เลิศ อายุ วรรณะ ยศ เกียรติคุณ สุข และ พละอันเลิศ ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้รู้แจ้ง ซึ่งธรรมอันเลิศ เลื่อมใสโดยความเป็นของเลิศ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลชั้นเยี่ยม เลื่อมใสในพระธรรมอันเลิศซึ่งเป็นธรรมปราศจากราคะ สงบและเป็นสุข เลื่อมใสในพระสงฆ์ผู้เลิศ ซึ่งเป็นบุญเขตชั้นเยี่ยม ถวายทานในท่านผู้เลิศนั้น ผู้มีปัญญาตั้งมั่นแล้วในธรรมอันเลิศ ให้ทานแก่ท่านผู้เป็นบุญเขตอันเลิศ จะเกิดเป็นเทวดา หรือมนุษย์ก็ตาม ย่อมถึงความเป็นผู้เลิศ บันเทิงอยู่