ดูกรปุณณะ
1. พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบท ดุร้ายนัก ถ้าเขาจักด่า จักบริภาษ เธอคิดอย่างไร
ปุ. ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า ยังดีนักหนา ที่ไม่ให้การประหารเราด้วยฝ่ามือ
2. ถ้าชาวสุนาปรันต จักให้การประหารเธอด้วยฝ่ามือ เธอจักมีความคิดอย่างไร
ปุ. ข้าพระองค์คิดว่า ยังดีนักหนาที่ไม่ให้การประหารเราด้วยก้อนดิน
3. ก็ถ้าชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยก้อนดิน เธอคิดอย่างไร
ปุ. ข้าพระองค์คิดว่า ยังดีหนักหนาที่ไม่ให้การประหารเราด้วยท่อนไม้
4. ถ้าชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยท่อนไม้ เธอคิดอย่างไร
ปุ. ข้าพระองค์คิดว่า ยังดีนักหนาที่ไม่ให้การประหารเราด้วยศาตรา
5. ก็ชาวสุนาปรันตชนบท จักให้การประหารเธอด้วยศาตรา เธอคิดอย่างไร
ปุ. ข้าพระองค์ว่า ยังดีนักหนาที่ไม่ปลิดชีพเราเสียด้วยศาตราอันคม
6. ก็ชาวสุนาปรันต จักปลิดชีพเธอเสียด้วยศาตราอันคม เธอคิดอย่างไร
ปุ. ข้าพระองค์คิดว่า มีเหล่าสาวกของพระผู้มีพระภาค ที่อึดอัดเกลียดชังร่างกายและชีวิตพากัน แสวงหาศาตราสังหารชีพอยู่แล เราไม่ต้องแสวงหาสิ่งดังนั้นเลย ก็ได้ศาตราสังหารชีพแล้ว
พ. ดีละๆ ปุณณะ เธอประกอบด้วย ทมะ* และ อุปสมะ* ดังนี้แล้ว จักอาจเพื่อจะอยู่ใน สุนาปรันต ชนบทได้แล ดูกรปุณณะ เธอจงสำคัญกาลที่ควรในบัดนี้เถิด ฯ
* ทมะ แปลว่า การฝึกตน
ข่มใจ ทรมาณ
* อุปสมะ แปลว่า การปราบ สงบใจที่เป็นข้าศึก
-----------------------------------------------------------
เป็นอันว่า ท่านพระปุณณะ อยู่ในสุนาปรันตชนบทนั้น ครั้งนั้นแล ท่านพระปุณณะได้ให้พวกมนุษย์ ชาวสุนาปรันตชนบทกลับใจ
แสดงตนเป็นอุบาสกประมาณ ๕๐๐ คน ภายในพรรษานั้นเอง
และ ตัวท่าน (พระปุณณะ) ได้ทำให้แจ้งซึ่งวิชชา ๓ * ภายในพรรษานั้นเหมือนกัน
* วิชชา 3 ปุพเพนิวาสานุสติญาณ (ระลึกชาติ) จุตูปปาตญาณ (ตาทิพย์) อาสวักขยญาณ (สิ้นอาสวะ)
ครั้งนั้นแล ภิกษุมากรูปด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค ดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุลบุตรชื่อปุณณะที่พระผู้มีพระภาคทรงสั่งสอนด้วยพระโอวาทย่อๆ นั้น ทำกาละเสียแล้ว เธอมีคติเป็นอย่างไร มีสัมปรายภพเป็นอย่างไร
พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุณณกุลบุตร เป็นบัณฑิต ได้บรรลุธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว ทั้งไม่ให้เรา ลำบากเพราะเหตุแห่งธรรม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุณณกุลบุตรปรินิพพานแล้ว |